รีวิว เที่ยวฮอกไกโดปีใหม่ คนเดียวก็เที่ยวได้ สกี หิมะ Lucky bag

IMG_0202

นี่เป็นการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียวครั้งที่สองของเรา ก่อนหน้านี้สัก 4 ปีที่แล้ว เราเคยออกเดินทางเที่ยวคนเดียวครั้งแรกด้วยการไป WWoof ที่ Nagano ตอนนั้นเป็นช่วงระหว่างการหางานใหม่ เป็นช่วงเวลาที่เราได้เรียนรู้การทำฟาร์ม และได้รู้จักเพื่อนต่างชาติที่ออกมาค้นหาตัวเองเช่นกันกับเรา

จริงๆแล้วการเดินทางคนเดียว กับไปกับเพื่อนหรือคนรู้จัก มันค่อนข้างแตกต่างกันเลยนะ ข้อดีของการไปคนเดียวคือได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น ได้ทำในสิ่งที่ชอบ อยากจะไปไหนก็ไป อยากจะกินอะไรก็กิน และก็อาจจะได้เพื่อนใหม่ระหว่างทาง มันก็สนุกไปอีกแบบ ส่วนข้อเสียก็คงจะเป็นความเหงา หรือเวลากินก็อาจจะกินได้ไม่ค่อยหลากหลาย เพราะไม่มีคนให้แชร์ด้วย 555+

สำหรับทริปนี้เรามีแพลนคร่าวๆแค่ว่า อยากเล่นสกีที่ Niseko สถานที่ที่เค้าว่ามี Snow powder หรือหิมะที่นุ่มที่สุดในโลก เป็นสวรรค์ของคนเล่นสกี หรือ Snowboard เลยทีเดียว อยากลิ้มรสว่าช่วงปีใหม่ที่ญี่ปุ่นเป็นยังไง  และที่สำคัญอยากจะช้อปปิ้งถุง Lucky bag ที่มีขายเฉพาะช่วงปีใหม่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้น

 แพลนทริป 27 Dec’18-3 Jan’19 BKK-CTS 

28 Dec’18 – Doraemon Waku Waku Sky Park, Otaru canal and Music box, Stay at Niseko

29 Dec’18 – Niseko (Ski all day), Stay at Niseko

30 Dec’18 –  Moerenuma Park, Stay at Sapporo

31 Dec’19 – Nijo Fish Market, Shiroi Koibito, Okurayama ski jump stadium, Stay and count down at Sapporo

1 Jan’19 – Mt. Moiwa, Hokkaido Shrine, Maruyama Zoo

2 Jan’19 – Shopping Lucky bag all day 😀

3 Jan’19 – Go back Thailand

Step แรก เราเริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าก่อน เพราะช่วงปีใหม่ เป็นช่วงที่ตั๋วค่อนข้างแพง และยิ่งเป็นประเทศญี่ปุ่นซึ่งฮอทฮิตด้วยแล้ว ดังนั้นจองแต่เนิ่นๆจะดีกว่า เราเลือกจองผ่าน Traveloka https://www.traveloka.com/th-th/ เพราะเคยใช้จองให้ตัวเอง และให้เพื่อนแล้วข้อดีก็คือราคาที่เห็นเป็นราคาทีี่รวมค่าตัดบัตรเครดิตเรียบร้อยแล้ว แล้วเส้นทางการบินก็ค่อนข้างที่จะครอบคลุมทั่วโลก ที่สำคัญคือ มีโค้ดส่วนลดค่อนข้างบ่อยต้องสังเกตที่หน้าเว็บดีๆ อย่าลืมใส่โค้ดก่อนกดจ่ายเงินด้วย

Step ถัดมาคือ ดูว่าจะพักที่ไหน รอบนี้เราแพลนว่าจะลองไปนอน Guesthouse ชื่อว่า Niseko Guesthouse Gurigura ที่ให้เฉพาะผู้หญิงล้วนพัก และที่สำคัญคือที่พักไม่มีที่อาบน้ำ! แต่จะต้องไปอาบที่ Onsen โดยที่พักจะขับรถพาไปทุกเย็น และในช่วงเช้าและเย็นก็จะมีบริการอาหารแบบ Homemade ให้ โดยเราจองที่พักที่นี่ไป 2 คืน ส่วนที่ Sapporo เราเน้นการเดินทางสะดวก โดยพักที่ Grids Sapporo Hotel จองไว้ 2 คืน ซึ่งที่นี่อยู่ตรง Odori station เลย และ 2 คืนสุดท้ายจองไว้ที่ Toyoko inn Hokkaido Sapporo-eki Kita-guchi ที่อยากนอนเป็นส่วนตัวไม่ใช่อะไร คิดว่าคืนสุดท้ายเป็นการจัดกระเป๋าคาดว่าของช้อปปิ้งต้องเยอะ กระเป๋าต้องออกลูกแน่ ขอความส่วนตัวสักหน่อย

Step สุดท้ายวางแพลนกิจกรรมหลักว่าจะไปทำอะไรบ้าง แน่นอนไปช่วงมีหิมะ เราก็อยากไปเล่นสกีด้วย แต่ไปคนเดียวก็แอบกังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุมั๊ย เราก็เลยทำประกันไว้ก่อนกับ Sompo เพราะสอบถามแล้วว่ารวมอุบัติเหตุที่เกิดจากการเล่นสกีหรือไม่ แล้วเค้าแจ้งว่าครอบคลุม (เพราะบางเจ้าไม่รวม) และช่วงปีใหม่ สำหรับญี่ปุ่นมีกิจกรรมที่คนญี่ปุ่นทำหลายอย่าง เช่น การไปดูพระอาทิตย์แรกของวันใหม่ การไปไหว้ขอพรที่ศาลเจ้า ดื่มสาเกหวาน แล้วก็ช้อปปิ้งถุงโชคดี (Lucky bag) ที่เราจะได้ลุ้นของที่มีมูลค่ามากกว่าเงินที่จ่ายไป ลุ้นระทึกตื่นเต้นดีค่ะ

28 Dec’18 – Doraemon Waku Waku Sky Park, Otaru canal and Music box, Stay at Niseko

เราเดินทางวันที่ 27 Dec’18 ด้วย Flight TG670 เดินทางเวลา 23:55 และถึง Sapporo เวลา 8:20 ของวันที่ 28 Dec’18 ทริปนี้ น้ำหนักกระเป๋าของการบินไทยเราโหลดได้ถึง 30 kg ทีเดียว แต่เนื่องจากว่าเรามาคนเดียว ก็เลยเอาแค่เป้ Backpack มาก็พอ (แฮ่ ไม่คุ้มเลย)

ก่อนจะไปเที่ยว เรามาเก็บของฟรีที่สนามบินกันให้อิ่มท้องกันก่อน หากใครมีบัตรเครดิต Citibank ก็จะอิ่มท้องแบบเงินอยู่ครบกันเลย  อย่างเราถ้าแลกที่ Coffee world เราก็จะรับสิทธิ์  Chocolate เย็นฟรีค่ะ ขอบอกว่าอร่อยเข้มข้น ดื่มแล้วชื่นใจ หรือใครจะแลกอย่างอื่นก็ดูรายละเอียดที่ลิงค์นี้เลยค่า =>> กินฟรีสนามบินกับ Citibank

01coco

พอได้เวลาขึ้นเครื่องป้าม่วงของเรา ก็มาทานอาหารต่อกันค่ะ อาหารมาเป็นหมูเปรี้ยวหวาน ส่วนเครื่องดื่มทั้งแบบมึนเมาหรือน้ำผลไม้ก็กินกันได้จุใจตามสไตล์สายการบิน Full service เลยค่า

t1

และแล้วพอเดินทางมาถึงสนามบิน Chitose รับกระเป๋าจากสายนั้นก็เจอน้องม่อนมายืนรอรับด้านนอก นอกจากนี้ก็ยังมีร้านค้าและร้านอาหารด้านนอกที่เป็นธีมโดราเอมอนทั้งหมดเลย สาวกโดราเอม่อนมีอันต้องล้มละลายแน่ๆ

DEFI9511

พิพิธภัณฑ์โดราเอมอน DORAEMON WAKU WAKU SKY PARK

พิกัด อยู่ที่สนามบิน ส่วน Domestic Terminal Building ตรง Connecting passage ชั้น 3 F Smile Road เวลาทำการ: 10:00-18:00 โดยรอบช้าสุดต้องเข้าตอน 17:30 ค่ะ (ระยะเวลาแนะนำในโซนนี้ประมาณ 30 นาที) ส่วนของ Park Zone Admission ต้องเสียค่าเข้า ผู้ใหญ่ราคา 800 เยน แต่ถ้าเด็กๆก็ราคาจะถูกกว่านี้ค่ะ ( อายุ 13-18 ปี 500 เยน, เด็กทารกอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เข้าฟรี)

ด้านในมีโซนให้ถ่ายรูปหลายจุดเลย ตอนเราเข้าไปรอบเช้าสุด เด็กๆยังไม่เยอะมาก และมีพนักงานอยู่เกือบทุกจุดก็ถ่ายรูปได้เพลินเลย อันนี้แนะนำนะคะ ว่าใครมาญี่ปุ่นแล้วลงที่สนามบิน Chitose ก็แวะมากันเถอะค่ะ น่ารักมากเลย 😀

t3

ถ่ายรูปได้พอประมาณแล้ว เราก็ไปกันต่อออกจากสนามบิน Chitose นั่งรถไฟไปลงที่ Otaru ไปเปลี่ยนสถานีที่ JR Sapporo ประมาณ 30 นาที แล้วเปลี่ยนขบวนไปลงที่ Otaru  พอถึง Otaru เราก็จัดการเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่ Locker ก่อน ราคาฝาก 600 เยน แล้วก็ออกเดินค่ะ ความหนาวเย็นยะเยือกแบบว่า มือแข็งเลยทีเดียว แต่ภาพหิมะขาวโพลนของสองข้างทางนี่สวยจริงๆค่ะ ไม่นานเราก็มาถึงจุดหมายจุดที่ใครมา Otaru ก็ต้องเช็คอิน ก็คือคลองโอตารุนั่นเอง

คลองโอตารุ (Otaru Canal)

โอตารุเป็นเมืองท่าเรือขนาดเล็ก ที่อยู่ทางตอนเหนือของซัปโปโร เดิมเคยเป็นท่าเรือการค้าและการประมงที่สำคัญ คลองโอตารุ นี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1923 จากการถมทะเลเพื่อใช้สำหรับในการเทียบเรือและเป็นเส้นทางการขนถ่ายสินค้ามาเก็บไว้ที่โกดัง แต่ภายหลังได้เลิกใช้และมีการถมคลองครึ่งนึงเพื่อทำถนนหลวงสาย 17 แล้วอีกครึ่งนึงที่เป็นโกดังถูกดัดแปลงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านขายของ

t4

จากคลองโอตารุเพื่อทำเวลาให้ทันไป Niseko ในวันนี้ เราก็รีบเดินต่อไปยัง พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ค่ะ สำหรับใครที่มายัง Otaru Music Box Museum โดยตรงเลยมาลงที่สถานี Minami-Otaru จะใกล้กว่าค่ะ

พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี โอตารุ (Otaru Music Box Museum )

เวลาเปิดปิด 9:00am-6:00pm (ถ้าวันก่อนวันหยุด และวันศุกร์ เสาร์เปิดถึง 7:00pm ) จุดหลักที่นักท่องเที่ยวมาก็คืออาคาร Main hall ตึกอิฐแดงหลังนี้  ที่รวบรวมกล่องดนตรีสารพัดแบบกว่า 20,000 กล่อง มีดนตรีหลากหลายสไตล์ มีทั้งแบบที่ฝังในตุ๊กตา หรือว่าทำเป็นที่แขวน เครื่องประดับ โคมไฟ พวงกุญแจ โดยเราสามารถเลือกเพลงที่จะใส่ได้เอง ภายในตกแต่งด้วยไม้เป็นหลัก โดยอาคารด้านหน้าสร้างในปี 1912 และนาฬิกาไอน้ำด้านหน้าอาคาร เป็นของขวัญจากประเทศแคนาดาให้ไว้กับเมืองโอตารุ โดยนาฬิกานี้จะส่งเสียงทุกๆ 15 นาที และพ่นไอน้ำทุกชั่วโมงค่ะ

t5

เนื่องจากเรามีเวลาไม่มากก็เลยได้เดินเล่นแค่ด้านล่างนิดเดียว ซึ่งเสียดายมากเลยค่ะ จากนั้นเราก็นั่งรถไฟไปต่อยังสถานี Kutchan ที่ Niseko ค่ะ  โดยเจ้าของ Guesthouse ที่ติดต่อกับเราคือ Esashi san โดยเวลาที่มารับเราเลือกเวลา 16:30 (จะมีให้เลือกแค่ 2 ช่วงค่ะ ) แต่ถ้าหน้าหนาวค่อนข้างมืดเร็วมาก ทางที่พักแนะนำว่ามาให้ทันเที่ยวรถไฟนี้จะดีกว่า

t6

พอรถตู้มารับก็มีคนอื่นที่มาพร้อมกับเราเป็นสาวชาวฮ่องกงค่ะ และก็รอคนอื่นๆที่มาเล่นสโนว์บอร์ด เราก็เพิ่งรู้ว่าส่วนใหญ่มาพักที่นี่กันเป็นอาทิตย์เลย

Niseko Guesthouse Gurigura 

อีก 2 คนที่เราเจอที่ Guesthouse ก็เป็นสาวญี่ปุ่นค่ะ ส่วนใหญ่จะมาที่นี่คนเดียว แล้วบางคนก็เคยมามากกว่า 1 ครั้ง แล้วก็เล่น Snowboard กันอย่างจริงจังเลยทีเดียว สำหรับที่นอนจะเป็นเตียง 2 ชั้นในห้องรวม  ส่วนเตียงนอนต้องปูกันเองจ้า

t7

พอถึงที่พักเค้าก็ให้เราเก็บของแล้วเตรียมไปอาบน้ำที่ออนเซนกันเลย ออนเซนที่เราไปเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรม ด้านล่างก็จะมีขายของที่ระลึก แล้วก็ล็อกเก้อร์อยู่ด้านนอกให้เก็บของมีค่า (ไม่เสียเงิน หลังใช้เสร็จจะได้เหรียญ 100 เยน คืนกลับมา) และส่วนค่าอาบน้ำ ครั้งละ 600 เยน ด้านใน มีทั้งบ่ออาบน้ำรวมที่อยู่ Indoor และ Outdoor เราค่อนข้างชอบมากเลย ด้านในมีหลายบ่อ ทั้งบ่อที่เป็นแบบน้ำร้อน น้ำร้อนแบบมีแรงดัน บ่อน้ำเย็น ส่วนที่เป็น Outdoor เราจะเห็นหิมะ อากาศเย็นปะทะน้ำร้อนที่แช่อยู่ แบบว่าฟินมากกก

t8

ที่พักรวมอาหารเย็นและอาหารเช้า เหล่านี้เป็นภาพที่เรากินอาหารที่นี่ที่พักทั้ง 2 วันค่ะ รวบมาทีเดียวให้ดูกันเลย แบบว่าประทับใจอาหารมาก แต่ละมื้อจัดจานได้น่ารักมากๆแถมอร่อยด้วย 🙂

e1

e2

e3

e4

29 Dec’18 – Niseko (Ski all day), Stay at Niseko

ความตั้งใจเดิมของเราคือไปเล่นสกีเองคนเดียวค่ะ แต่พอได้อีเมลคุยกับเจ้าของ Guesthouse แล้วเค้าแนะนำว่าถ้าไม่เคยเล่น ควรจะลงเรียนดีกว่า เราก็เลยตัดสินใจไปลงแบบ Group lesson ที่เรียนรวมกับคนอื่นค่ะ เราเลือกเรียนที่ Go snow ลงคอร์ส Adult group half day ski สำหรับคนที่อยากเล่น Snowboard ก็มีให้เลือกเช่นกันค่ะ ส่วนใหญ่หลายคนจะลงแบบ 1 day ส่วนเราเรียนแค่ครึ่งนึงแล้วที่เหลือลองไปเล่นเองดีกว่า สนนราคาค่าเรียนอยู่ที่ 8,000 เยน ซึ่งยังไม่รวมอุปกรณ์กับค่า Gondola ที่ต้องออกเองอีกต่างหาก ทาง Guesthouse แนะนำให้เราเช่ากับ winter1st.com/en/rental-price โดยเราเลือกแบบ Set standard คือได้ทุกอย่างพร้อมทั้งรองเท้า สกี Pole ถุงมือ แว่น หมวก ราคา 6,000 เยน และคอร์สที่เราเรียนจะบังคับให้ซื้อ Ski lift ด้วย (Pass เดียวกับ Gondola  ขึ้นไปบนยอด) เราซื้อแบบ 5 Hours จ่ายไป 5,500 เยน ( ตอนเอาบัตรไปคืนจะได้เงินคืนมาอีก 1,000 เยน ซ่ึงเป็นเงินมัดจำ) สนนรวมเงินที่ใช้เล่นทั้งหมดมันก็จะทำให้ตัวเบาหน่อยๆ  >_<‘ ไม่เป็นไรน่ะ นานๆเล่นทีนะ อันนี้บอกกับตัวเองค่า 555

t9

จริงๆถ้าวันที่พายุไม่เข้า ฟ้าใส จากที่นี้จะทำให้เห็นฟูจิน้อยฮอกไกโด หรือ Mountain Yotei ด้วยนะคะ แต่น่าเสียดายวันที่เราไปเล่นหิมะตกหนักเลยจ้า บังมิด TT_TT’

t10

ในคลาสเรียนของเราก็จะมีประมาณ 8 คน โดยทุกคนจะเรียนสกีเหมือนกันหมด โดยเวลานัดที่ 9:45 am สำหรับ Half day program ใช้เวลา 2.5 ชั่วโมง เสร็จตอน  12:30 ที่เป็นเวลาพักเที่ยง สำหรับคนที่เรียน Full day ก็พักเวลาเดียวกัน แต่จะเรียนถึง 13:30 โดยครูส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นฝรั่ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะฟังภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่อง ส่วนเพื่อนร่วมเรียนเราไม่เจอคนไทยเลยค่ะ คนที่มาเรียนส่วนใหญ่เป็นฮ่องกง สิงคโปร์ แล้วก็ชาวไต้หวัน มีทั้งชายหญิงคละกัน เราลงคลาส Fist time เค้าก็จะสอนตั้งแต่วิธีการใส่รองเท้า การทรงตัว ท่า Pizza จังหวะการหยุดทรงตัว ก็ถือว่าดีสำหรับคนที่อยากเล่นและอยากได้พื้นฐานที่ถูกต้องก่อนไปเล่นเองแบบงงๆนะคะ ส่วน Ski lift ที่เราใช้เป็นหลักเป็นเหมือนบันไดเลื่อนแบบว่าที่เราเอารถเข็นวางตาม Supermarket เลย เพิ่งเคยเห็นนี่แหละค่ะ คือเราเอาเท้าเราที่ใส่รองเท้าสกี แล้วก็ไปแปะตรงลิฟท์ มันก็จะขยับเท้าไม่ได้เลย พอจนถึงด้านบนเราก็จะสไลด์ตัวลงมาตามท่าที่ครูสอนค่ะ

t11

พูดถึงหิมะที่ Niseko นี่นุ่มสมคำร่ำลือจริงๆ หลังจากเรียนเสร็จ พักกินข้าวแล้ว เราก็ลองไปไถลเล่น พร้อมใช้วิชาที่ได้เรียนมาอยู่พักนึง แต่ว่าเนินที่นี่ค่อนข้างชันมาก ป๊อดสุดๆ เล่นได้พักนึงก็เลยขอขึ้นไปชมวิวที่ยอดบนสุด โดยขึ้น Gondola ไป ชาวบ้านเค้าก็จะเอาอุปกรณ์ขึ้นไปพร้อมค่ะ เพราะส่วนใหญ่ขึ้นบนยอดแล้วก็จะไถลลงมาเลย ส่วนเราที่เป็นเด็กน้อยเพิ่งเรียนสกีรหัส 101 ก็เลยทิ้งอุปกรณ์ไว้ด้านล่าง และขอขึ้นไปแต่ตัวจ้ะ แฮร่ ขึ้นไปปุ๊ปสักพักก็นั่ง Gondola ลงมา ขาลงนี่นั่งลงมาคนเดียวเลย เพราะคนส่วนใหญ่ไม่มีใครนั่งลงมาค่ะ อ้อด้านบนมีส่วนที่เป็นร้านอาหารด้วยนะคะ

t12

พอหมดวันเราก็จัดการคืนของเช่าและรอเจ้าของ Guesthouse มารับ ไปอาบน้ำและทานข้าว หมดวันไปอย่างเหนื่อย แต่ก็สนุกมากเลย ที่ Gurigura เนี่ยจะมีห้องที่นั่งกินข้าวเป็นเหมือนที่ชุมนุมของทุกคน ตอนเย็นหลังจากที่แต่ละคนกินข้าวเสร็จก็จะอยู่คุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน ทั้งตอนเช้าตอนเย็นก็อยู่ที่ห้องนี้ ถ้าตอนเย็น เราก็จะหยิบเบียร์จากตู้แช่ แล้วก็จ่ายเงินได้เลย ส่วนขนมกับแกล้มเค้าก็มีให้ฟรีด้วย 😀

t14

30 Dec’18 –  Moerenuma Park, Stay at Sapporo

เช้านี้เราก็เก็บกระเป๋าออกเดินทางกลับไปยังที่ Sapporo แล้วค่ะ ทาง Esashi san ก็ไปส่งที่สถานี Kutchan  หลังจากที่เรากินอาหารเช้าเสร็จ ภารกิจถัดไปคือเอากระเป๋าไปฝากไว้ที่พักใหม่

13

t15

ที่นอนคืนนี้ก็เป็น Grids Sapporo hotel&hostel  พอเข้าเมืองมาเราก็จะเห็นแต่การประดับประดาปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นถังสาเก ขนมโมจิ ของตกแต่งปีใหม่ อ้อ ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่เรียกปีหมูเหมือนอย่างของเรานะคะ แต่ของเค้าเป็นหมูป่าค่ะ สำหรับที่พักเราลงที่สถานี Odori station และเดินอีกไม่ไกลนัก สองข้างทางก็จะเป็นถนนสายช้อปปิ้งเลย พอเดินมาก็จะเห็นน้องทานุกิโบกมือต้อนรับ ฝากกระเป๋าเสร็จแล้ว เราก็ไปกันต่อที่สถานที่ท่องเที่ยว และกลายเป็นเหมือนที่เล่นสนุกได้ในหน้าหนาวค่ะ

Moerenuma Park (สวนโมเรนุมะ)

พิกัด : ที่อยู่: 1−1 Moerenumakoen, Sapporo, Hokkaido 007-0011

เวลาทำการ: 7:00– 22:00 น. (ประตูทางเข้าปิดเวลา 21:00 น.) ค่าเข้า:ฟรี

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย Toho สถานี Kanjo dori higashi แล้วขึ้นรถบัส Higashi 69 หรือ Higashi 79 สาย Chuo Kita Satsunae ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีลงที่ป้าย Moere koen higashiguchi  แล้วเดินต่อเข้ามาในสวน

สวนสาธารณะโมเอเระนุมะ (Moerenuma Park) ตั้งอยู่ในบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองซัปโปโร (Sapporo) ออกแบบโดยประติมากรที่มีชื่อเสียงระดับโลก “Isamu Noguchi” โดยให้ทั้งหมดของสวนสาธารณะเป็นเหมือนประติมากรรมชิ้นหนึ่ง ภายในมีสิ่งก่อสร้างเป็นรูปทรงเรขาคณิตหลากหลายอยู่บนพื้นที่กว้างขวาง ให้นักท่องเที่ยวได้ชื่นชมผลงานศิลปะท่ามกลางทิวทัศน์ธรรมชาติอันงดงาม  และสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล จุดที่โดดเด่นก็คือ Hidamari หรือปิรามิดแก้ว อยู่ใกล้ทางเข้าด้านทิศใต้ ประกอบด้วยสามชั้นและดาดฟ้าสำหรับชมทิวทัศน์โดยรอบ แต่เสียดายวันที่เราไปไม่เปิดให้เข้านะคะ และส่วนที่เราจะไปเล่นสนุกกันได้ก็คือ Mt. Moere เป็นเนินเขาที่สูงที่สุดในบริเวณสวน  ด้วยความสูง 62 เมตร สามารถเดินขึ้นได้หลายทาง จากบนยอดเขาจะสามารถมองเห็นตัวเมืองซัปโปโรทั้งหมดได้ และเป็นที่เล่นสกีในฤดูหนาว

DCIM100GOPROGOPR5117.

แต่ส่วนคนที่เล่นสกีที่ต้องเอามาเองส่วนใหญ่จะเป็นเด็กน้อยค่ะ คนส่วนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่(ที่พาเด็กมาเล่น) จะเล่นถาดเลื่อนหิมะค่ะ บางคนก็เอามาเอง จะมีขายที่ห้างราคาไม่แพงค่ะ แต่ของเราตอนแรกไม่รู้ว่าไปยืมจากที่ร้านทาโกะยากิที่ขายด้านหน้ามาได้ เราเลยเดินออกไปทานช้อคโกแลตร้อนกับทาโกะยากิก่อน แล้วก็ค่อยยืมมาใหม่แล้วเดินกลับมาเล่นค่ะ

t16

t17

เล่นจนหนำใจแล้วก็กลับมายังที่พัก แล้วออกมากินข้าวอีกที สาขาที่ Odori ร้าน Sushi Zanmai รอประมาณครึ่งชั่วโมงถึงจะได้กิน อิ่มอร่อยสมควรค่าแก่การรอคอย และเบียร์ Sapporo กินคู่กันอร่อยมากๆ ราคาย่อมเยาด้วย Set Maguro Zanmai  ราคาเซ็ตนี้ 3,000 เยน

t18

ที่ Grids hostel เราพักเป็นห้องรวมค่ะ ห้องใหญ่ทีเดียว เราได้ช่องเตียงชั้นบน  นอนก็สบายอยู่ค่ะ ห้องอาบน้ำก็สะอาดใช้ได้ ที่ชอบที่สุดน่าจะเป็น Location ของที่นี่ ไปไหนมาไหนสะดวก

t20

31 Dec’19 – Nijo Fish Market, Shiroi Koibito, Okurayama Ski Jump Stadium, Stay and count down at Sapporo

ตลาดปลานิโจ (Nijo Fish Market)

พิกัด: จริงๆอยู่ใกล้สถานี Odori ทางออก 1 แล้วเลี้ยวซ้ายเดินตรงไปอีก  2 บล็อก ตลาดปลาจะอยู่หัวมุมบล็อกที่ 3  แต่เราเดินจากโรงแรมไปได้เลย

เวลาเปิด ปิด: 07:00 – 18:00 น

ถ้าเรียกภาษาญี่ปุ่นว่า Nijo Ichiba เป็นตลาดเก่าแก่ตั้งปี 1903 ตั้งอยู่กลางเมืองซัปโปโรใกล้กับ Sapporo Tv Tower  อยู่ริมแม่น้ำ Sosei สุดปลายด้านตะวันออกของย่านช้อปปิ้ง Tanuki Koji โดยตลาดไม่ใหญ่นัก ขายพวกของสดของแห้ง แล้วก็อาหารทะเลหน้าต่างๆ

t21

เราก็เดินหาร้านไปเรื่อยๆ ตัดสินใจเลือกเข้าร้านที่คนรอคิวเยอะๆที่สุด ต่อคิวจนเกือบจะได้กินแล้วพนักงานก็ให้ย้ายไปอีกสาขานึงที่ต้องเดินข้ามถนนไป ซึ่งพอเข้าไปกินแล้วรู้สึกเหมือนโดนหลอกให้มาสาขานี้เลย เพราะสาขานี้ไม่ค่อยมีคิวและแอบรู้สึกว่าสาขาใหญ่น่าจะดีกว่า เลยไม่โอเคกับร้านนี้ไปเลย =*=

t19

ปล. รูปล่างด้านบนซ้ายมือ เป็นร้านอื่นๆระหว่างที่เราเดินตลาดดูนะคะ (เดี๋ยวจะสับสนเอา)

โรงงานช็อคโกแลต (Shiroi Koibito Park)

เวลาเปิด ปิด: 9:00 – 19:00 ( 18:00 ) ร้านค้าเปิดถึง 19:00

ค่าเข้า 600 เยน เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี 200 เยน

การเดินทาง: นั่ง Subway Tozai Line ลงสถานี Miyanozawa แล้วเดินตามป้าย Shiroi Koibito Chocolate Park ไปต่อประมาณ 700 เมตร

พื้นที่บางส่วนปิดปรับปรุงเข้าไม่ได้นะคะวันที่เรามา 😦 ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งแสดงความเป็นของขนมคุกกี้วนิลาสอดไส้ช๊อคโกแลตชื่อดัง Shiroi Koibito พื้นที่อาคารแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Entrepot Hall, Chocolate Factory และ Tudor house ทางเข้าด้านหน้าของ Entrepot Hall จะมีน้ำพุ Aurora Fountain สร้างโดยบริษัทชาวอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 1870 เราเองเน้นเข้าไปชิมไอศกรีม แล้วก็เดินชม พร้อมซื้อของที่ระลึก

t23

t22

จุดมุ่งหมายถัดไปที่เราไปต่อในวันนี้ เนื่องจากออกจากโรงงานช๊อคโกแลตช้าไปหน่อย ทำให้เราไปไม่ทันเวลาเข้าของ Okurayama Observatory ( T_T)

ลานสกีโอกุระจัมป์(Okura Jump Stadium)

ลานสกีนี้เปิดใช้ในการแข่งขันสกีระดับโลกหลายรายการ มีลิฟต์สกีแบบนั่งห้อยขาสำหรับนักท่องเที่ยวให้ขึ้นมายังจุดชมวิวด้านบนที่ระดับความสูง 307 เมตร โดยทัศนียภาพจากข้างบนนั้นจะสามารถมองเห็นสวนโอโดริ และอีกหลายสถานที่ในเมืองซัปโปโรได้เลย

t24

วันปิดทำการ: วันที่ 1-15 เมษายน

ค่าใช้จ่าย: 500 เยน (ลิฟท์เก้าอี้ไปกลับ)

เวลาเปิด-ปิด: เดือนพฤษภาคม – ตุลาคม 8:30-18:00 เดือนพฤศจิกายน – เมษายน 9:00-17:00

ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-กันยายน เปิดถึง 21:00 ในวันศุกร์ และวันเสาร์

จริงๆแล้ว ตั้งใจจะนั่งเก้าอี้ลิฟต์ขึ้นไปชมวิว แต่กลายเป็นว่ามาไม่ทันค่ะ เพราะช่วงฤดูหนาวปิดค่อนข้างเร็ว แต่ เราดันไปดูเวลาปิดใน Google ก็เลยเข้าใจว่าน่าจะยังเปิดอยู่ กลายเป็นว่าได้มาดูอย่างเดียว ไม่ได้ขึ้นเลยแถมเวลาเดินไปตอนหน้าหนาวนี่ ถนนลื่นสุดๆอีก แนะนำว่าให้นั่งแท๊กซี่มาจากจุดที่ลงรถเมล์จะดีกว่าค่ะ

สุดท้ายเราก็กลับมาแถวที่พักช้อปปิ้งที่ Donki ใกล้ๆ แล้วก็ฉลองปีใหม่ที่ที่พักค่ะ ทาง Hostel มีให้เข้าร่วมนับ Count down พร้อมกับดื่มสาเก และกินโซบะ  คนญี่ปุ่นจะเรียกว่า Toshikoshi Soba หรือ โซบะข้ามปีนั่นเองคนญี่ปุ่นเชื่อว่าการทานเมนูนี้ เป็นเหมือนการขอพรให้มีสุขภาพดีและมีชีวิตที่ยืนยาวเหมือนเส้นโซบะ ยิ่งยาวเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ

t25

1 Jan’19 – Mt. Moiwa, Hokkaido Shrine, Maruyama Zoo, Stay at Toyoko inn

ภูเขาโมอิวะ (Mt. Moiwa )

จริงๆหาข้อมูลแล้ว และตั้งใจจะไปฉลองปีใหม่สไตล์ญี่ปุ่นด้วยการดูพระอาทิตย์แรกแห่งหรือ“ฮัตสึฮิโนเดะ” แต่แล้วก็ตื่นไม่ไหวจริงๆ แฮ่ เลยตัดทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย

ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)

เป็นศาลเจ้าของศาสนาพุทธนิกายชินโตที่มีความเก่าแก่ ตั้งอยู่ภายในสวนสาธารณะมะรุยะมะที่มีพื้นที่กว้างขวางถึง 180,000 ตารางเมตร ที่ศาลเจ้าแห่งนี้นั้นถูกสร้างในช่วงยุคเริ่มพัฒนาเกาะ ประมาณปี ค.ศ.1871ได้ ไม่เพียงแค่จะมาสักการะขอพรกับเทพเจ้าที่ประทับภายในศาลเจ้ามากถึง4 องค์ ได้แก่ Okunitama เทพเจ้าผู้สร้างธรรมชาติ, Okuninushi เทพแห่งแผ่นดินและการบุกเบิก, Sukunahikona เทพผู้ปกปักรักษาผืนดิน สร้างความรุ่งเรือง และ Meiji Tenno องค์จักรพรรดิผู้ได้รับอัญเชิญวิญญาณมาสถิต ณ ศาลเจ้าแห่งนี้เมื่อ 1964 ในฐานะผู้ก่อสร้างรากฐานญี่ปุ่น ในช่วงปีใหม่ที่คนจะมาค่อนข้างหนาแน่นเลย

ค่าเข้า: ฟรี

วิธีการเดินทาง: รถไฟใต้ดินสาย Tozai สถานี Maruyama Koen ทางออก 2,3 เดินไป 100 เมตร แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปอีก 120 เมตร แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไป 100 เมตร จะเจอทางเข้าสวน Maruyama เดินเข้าไป 550 เมตร

t26

เราก็ไม่พลาดที่จะสวดมนต์ขอพรปีใหม่ โยนเหรียญ 5 นำความโชคดี เขียนป้ายขอพร และเสี่ยงเซียมซีหรือ Omikuji แบบญี่ปุ่นที่อ่านไม่ออก 55+ รวมถึงดื่มอามะสาเก หรือสาเกหวาน ยิ่งดื่มตอนหนาวๆแบบนี้อร่อยมากเลยค่ะ  พอเดินออกมาจากศาลเจ้าก็เจอร้านอาหารเรียงรายเต็มไปหมด ดับความหิวได้อย่างดี อิอิ

t27

สวนสัตว์มารุยะมะ(Maruyama Zoo)

ตั้งอยู่เชิงเขามารุยามะ บริเวณแถบชานเมืองของซัปโปโร เดินทางไม่ไกลเลย สวนสัตว์แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสวนสัตว์ประจำเมืองซัปโปโร แม้ขนาดของสวนสัตว์จะไม่ได้ใหญ่มากนัก อาจจะไม่ได้เด่นดังเท่ากับสวนสัตว์ที่ Asahikawa แต่สัตว์หลักๆก็จะมีให้ดูอยู่มากมายนะคะ ไม่ว่าจะเป็นโซนจิงโจ้ แพนด้า กระต่าย และสัตว์ที่โดดเด่นของที่นี่ก็จะมี Polar bear และ Brown bear ที่ถือเป็นพระเอกของที่นี่เลยค่ะ

ค่าเข้า : 600 เยน

เวลาทำการ : 9:00 – 16:00

การเดินทางอยู่ใกล้กับ ศาลเจ้าฮอกไกโดเลยค่ะ ที่นี่เราค่อนข้างชอบเป็นพิเศษเพราะว่ามีสัดส่วนของแพนด้าแดงที่อลังการมากเมื่อเทียบกับที่สวนสัตว์อื่นๆเลยค่ะ

t28.JPG

t29

2 Jan’19 – Shopping Lucky bag all day :D, stay in Toyoko inn

t30

วันนี้เป็นวันช้อปปิ้งอย่างเดียวเลยค่ะ ใครที่ตั้งใจจะมาซื้อถุงโชคดีต้องเช็กวันให้ดีนะคะ ส่วนใหญ่จะเริ่มขายวันที่ 2 มกราคม และผู้คนจะเยอะมากเลย อย่างเราไปที่ JR Tower ต้องไปแต่เช้าหน่อยไม่งั้นไม่ทันคนอื่นเค้าแน่นอน

t31

t32

t33

ถุงที่ซื้อแล้วราคาไม่แพง และก็คุ้มด้วยก็คือของมิสเตอร์โดนัทค่ะ ตอนแรกเราไม่รู้ว่าการ์ดที่ให้มาสามารถไปแลกโดนัทฟรีได้ 10 ชิ้นเลย แล้วก็ไม่ต้องแลกทีเดียวด้วยค่ะ พร้อมกับได้ผ้าห่ม Pokemon แล้วก็แฟ้มด้วยค่ะ ราคายังไม่รวม Tax ที่ 1,000 เยน เสียดายเรามารู้ทีหลังเลยแลกโดนัทไปได้ชิ้นเดียวเอง ส่วนข้าวเย็น เราก็กินในห้างเลยค่ะ ราคาไม่แพงแถมอร่อยด้วย

3 Jan’19 – Go back Thailand

เวลาช่างผ่านไปรวดเร็ว กลับบ้านแล้วค่ะ  ก็ขอจบทริปแต่เพียงแค่นี้ ขอบคุณที่อ่านมากันจนจบนะคะ 😀

t34

Advertisement

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s