ผมแอดมินคุณอ๊บเอง ครั้งนี้ผมจะรีวิวทริปร้านอาหารข้างทางที่อยู่ในลิสรายชื่ออาหาร Michelin Guide ราคาที่กระเป๋าไม่ฉีก โดยมีราคาใช้จ่ายต่อหัวไม่เกิน 150 บาท โดยเลือกร้านอาหารย่านสถานีรถไฟฟ้าสะพานตากสินหรือย่านบางรักนั้นเอง ย่านแห่งนี้มีความเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะมากมายที่รวมคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งไทย จีน แขก ฝรั่ง อีกทั้งร้านอาหารแต่ละในยานนี้เก่าทั้งนั้น เป็นตำนานของจริง
จากที่สำรวจมาแถวรถไฟฟ้าสะพานตากสินย่านบางรักมีร้านอาหารที่ได้มิชลินที่จากเดินทางสะดวกเดินไม่ไกลถึง 8 ร้าน แต่มีร้านอาหารที่ราคาต่ำกว่า 150 บาทต่อหัว มีถึง 5 ร้านด้วยกันซึ่งถือว่าเป็นย่านที่มีร้านอาหารมิชลินเยอะที่สุดและเดินทางสะดวกเป็นอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ ร้านมิชลินไม่แพงก็มี
1. ร้านเจริญแสงสีลม ขายข้าวขาหมูอย่างเดียว
2. ร้านแสนยอด ขายอาหารจีน โด่งดังเรื่อง เส้นบะหมี่ เป็ดย่าง และราดหน้า
3. ร้านบ้านผัดไทย ขายอาหารไทย ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเด่นผัดไทย
4. ร้านโจ๊กปริ้นส์ ร้านมีแต่โจ๊กไม่มีอย่างอื่น
5. ร้านทิพ หอยทอดภูเขาไฟ มีหอยทอดและออส่วน แต่ที่เด็ดดวงไม่เหมือนใครคือเมนูหอยทับหอย
แผนที่แต่ละร้านตามนี้ครับ ตำแหน่งตามหมายเลขข้างล่าง
1. ร้านเจริญแสงสีลม (ขาหมูเลิดสิน)
Michelin Guide: Bib Gourmand 2018-19
พิกัด : https://goo.gl/maps/fgJf6aVvtoy
(ปลายถนนสีลมก่อนถึงแยกบางรัก ซอยเจริญกรุง 49 ตรงข้ามกับสดตาทาวเวอร์)
เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
เวลาเปิดปิด : 7.30-13.30
โทร : 02 234 8036
ข้อแนะนำ : เนื่อจากร้านนี้มีคนเกาหลี ฮ่องกง มาเลย์ สิงคโปร์ มาตามรอยมิชลินกันเยอะ แนะนำให้มาเช้ามากที่สุดไม่เกินสิบโมงเพราะของส่วนต่างยังมีอยู่ครบ หลังเที่ยงแล้วไม่ต้องมาของแทบเหลือน้อยมาก อีกทั้งต้องมาตบตีกับคนพักกินข้าวกลางวันอีก ถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดา จ.-ศ. จะดีที่สุด เคยมีประสบการณ์มาแล้วไปหลังสิบเอ็ดโมงในวันเสาร์ปรากฏว่าเหลือแต่หนังอย่างเดียว จ่ายค่าน้ำแข็งออกจากร้าน
ร้านขาหมูรุ่นอากงที่อายุอานามมากกว่า 60 ปี เปิดกิจการในปี 1959 ปัจจุบันผ่านมาแล้วถึงรุ่นที่ 3 อาแปะรุ่นที่สองเล่าว่าขาหมูที่นี่ใช้เป็นขาหน้าที่น้ำหนักไม่เกิน 2 กิโล เอามาเผาไฟ จากนั้นมาต้มในน้ำพะโล้ที่กระบวนการในการการทำเครื่องเทศแและเครื่องปรุงรสเป็นการผสมผสานถึงสามเชื้อชาติทั้ง จีน ไทย ฝรั่ง โดยที่เน้นที่รากผักชี กระเทียม พริกไทย ใช้ เวลานานต้มนานเกือบ 8 ชั่วโมง โดยอาแปะยังบอกว่าการทำอาหารก็เหมือนนักร้อง ต้องร้องให้เพราะประทับใจเมื่อมาฟังในครั้งแรกและต้องรักษาคุณภาพให้เสมอต้นเสมอปลาย ลูกค้ามาฟังกี่ครั้งแรกแล้วไพเราะและกลับมาฟังอีกมีความความสุขเหมือนฟังในครั้งแรกที่ประทับใจเสมอ
บรรยากาศร้านบ้านๆตึกแถวบ้านไม่สวยหรูอะไรนัก เป็นโต๊ะเก้าอี้สแตนเลส มีที่นั่งทั้งในร้านและนอกร้าน แต่ร้านเหมือนกับสนามรบมันดูวุ่นวาย ตอนที่ไปไม่มีใครมาหาที่นั่งให้เรา ยืนเก๋กังๆอยู่นานกว่าจะมีคนหาที่เรานั่ง โต๊ะส่วนใหญ่เป็นโต๊ะแชร์นั่ง นั่งหม่ำกับลูกค้าคนอื่น พอได้ที่นั่งแล้วก็รออยู่นานพอสมควรกว่าจะมีคนมารับออเดอร์ ที่ร้านขายแต่ข้าวขาหมูอย่างเดียว แต่แยกส่วนต่างๆให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น คากิ, ข้อคากิ (เจ้าของร้านบอกว่าส่วนนี้เด็ดที่สุด), ขาหมูเล็ก, ขาหมูใหญ่ และเครื่องในต่างๆไม่ว่าจะเป็นไส้ ตับ ลิ้นหัวใจ ร้านไม่เสิร์ฟแบบขาหมูราดข้าว จะต้องสั่งขาหมูส่วนต่างๆและข้าวเป็นชุดๆนะจ้ะ
ด้วยส่วนตัวผมกินหนังไม่มากเลยสั่งขาหมูเล็ก ไส้และข้าวปล่าวมาชุด รอสักครู่ก็มีคนมาเสิร์ฟ เริ่มกินที่ขาหมูเล็กก่อน สัมผัสแรกเมื่อเข้าปาก เนื้อหมูนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำพะโล้ซึมเข้าไปถึงเนื้อข้างในไม่แห้ง หนังและมันแทบละลายในปาก ทานรู้สึกดีที่ริมฝีปากมันนี่ละคือฟิวส์ในการกินขาหมูที่อร่อย น้ำหอมเครื่องพะโล้และเครื่องเทศยาจีน รสชาติไม่หวานไม่เค็มมากจนเกินไปทำให้ไม่เลี่ยน ขลุกกับข้าวสวยอร่อย น้ำจิ้มรสเด็ดรสเปรี้ยวเผ็ดหอมกระเทียม พริกสด ทานคู่กับขาหมูสุดยอดไปเลย ส่วนไส้หมูก็อร่อยหนึบเด้งไม่มีกลิ่นเหม็นเลย แต่งงทำไมไม่มีเกี้ยมฉ่ายผักดองมาให้ด้วยมองไปโต๊ะอื่นเห็นมีกันหมดแอบน้อยใจนิดๆ ทานเสร็จมาดูที่ราคา ขาหมูเล็ก 140 บาท, ไส้หมู 50 บาท ข้าว 2 จาน 10 บาท รวมแล้วอยู่ที่ 200 บาท หม่ำสองคนก็อยู่ที่ คนละ 100 บาท ถือราคาค่อนข้างสูงกว่าขาหมูทั่วไป แต่รสชาติก็ถือว่ายอดเยี่ยมสมกับที่ได้รางวัล Bib Gourmand อาหารที่โดดเด่นข้อนี้ผ่าน ได้คุณภาพข้อนี้ผ่าน ราคาย่อมเยาว์อยู่ในราคามาตรฐานท้องถิ่นข้อนี้ผ่านแบบชิวเฉียดเล็กน้อยแต่ผ่านครับ กินเสร็จแล้วกลับมาทานอีกครั้งแน่นอน
2. ร้านแสนยอด (บางรัก)
Michelin Guide: Bib Gourmand 2018-19
พิกัด : https://goo.gl/maps/vL7t9hgPyHB2
(สุดซอยเจริญเวียงหรือซอยตอกซุง ต้องข้ามโรงแรมเดอะแกรนสาธร)
เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
เวลาเปิดปิด : 10.00-20.30 (ส.,อา. ปิด 21.00)
โทร : 02 234 7968
ข้อแนะนำ : ควรหลีกเลี่ยงการมาในช่วงกลางวันและเย็น เพราะจะคอยคิวเข้าร้านและอาหารเป็นเวลานอนแต่ร้านนี้ที่นั่งจะเยอะและมีแอร์เย็นสบายไม่ลำบาก ถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดา จ.- ศ. จะดีที่สุด
ร้านแสนยอดโภชนา ร้านอาหารจีนกวางตุ้งแท้ๆที่เปิดกันมากว่า 50 ปีปลายย่างเข้า 60 เปิดมาตั้งแต่ปี 2505 ไอ้คำว่า “แสนยอด” นั้น อาแปะผู้ก่อตั้งแปลงมาจากคำภาษาจีนกวางตุ้ง คำว่า “เส่งหยิด” แปลว่าเจริญรุ่งเรือง ชื่อเป็นมงคลอวยพรให้ลูกค้าที่มาหม่ำและตัวร้านเองด้วย เริ่มแรกนั้นเมนูอาหารดั้งเดิมมีเพียง ราดหน้า, เป็ดย่าง และบะหมี่ และในปัจจุบันเมนูเหล่านี้ก็เป็นเมนูซิคเนเจอร์ของร้านอีกด้วย โดยร้านนั้นยังคงเคร่งครัดปรุงโดยใช้สูตรแบบดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ทำจานต่อจาน เลือกวัตถุดิบคุณภาพดีที่สดใหม่อยู่ตลอด อย่างเป็ดย่างนั้นหมักด้วยน้ำซอสสูตรลับเฉพาะของรุ่นอาแปะผู้ก่อตั้ง และย่างด้วยเตาถ่านแบบโบราณ ทำให้เป็ดนั้นหนังกรอบหอบหอมกลิ่นชาโคและซอสย่าง เนื้อในหอมนุ่มชุ่มฉ่ำน้ำซอสที่ซึมเข้าถึงข้างในไม่แห้งแข็งกระด้าง บะหมี่ไข่สูตรโบราณที่ร้านนวมเองตัดเอง ทำให้เส้นเล็กเหนียวนุ่มหอมไข่อร่อยเป็นพิเศษ
เนื่องจากตอนที่ไปร้านฝั่งตรงข้ามโรงแรมเดอะแกรนสาธรเต็มเลยมานั่งทานโซนฝั่งโรงแรมแทน บรรยากาศภายในร้านมีกลิ่นไอความเป็นภัตตาคารอาหารจีนบวกโมเดิร์นนิดๆ มีทั้งโต๊ะกลมหมุนแบบจีนและโต๊ะกลมธรรมดา เหมือนร้านอาหารที่ฮ่องกงเลย เมื่อเข้ามาจะมีพนักงานตอนรับคอยจัดคิวและโต๊ะให้กับลูกค้า มีที่นั่งรอคิว แอร์เย็นสบาย ตอนที่ไปเป็นวันเสาร์ประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าก็รอคิวแป๊บเดียวก็ได้โต๊ะรอคิวโต๊ะไม่นาน พนักงานก็เอาเมนูมาให้ดู ในครั้งนี้เรามีโจทย์กำหนดที่ว่าต้องจ่ายไม่เกิน 150 บาทต่อคน เลยสั่งไป 2 เมนูซิคเนอเจอร์ของที่ร้านและเป็นเมนูเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ร้านเปิด คือ บะหมี่แห้งเกี้ยวกุ้งเป็ดย่างและราดหน้าเนื้อ อาหารที่โซนนี้เค้าต้องขนข้างถนนจากร้านเก่ามาส่ง แต่ระหว่างการขนเค้าก็มีฝาปิดอาหารกันฝุ่นด้วยนะ หลังจากสั่งรออยู่ประมาณสิบห้านาทีอาหารถึงจะมา ไม่รอช้าตักเข้าปากกันเลย
มาที่ประเด็นสำคัญเลยคัส ในส่วนเรื่องรสชาตินั้นของกล่าวที่ละเมนูกันนะ อันแรกบะหมี่แห้งเกี้ยวกุ้งเป็ดย่าง เห็นปริมาณที่ให้ถือว่าน้อยมาก ประมาณ 4-5 คำหมด ในเรื่องบะหมี่นั้นเหนี่ยวนุ่มหอมไข่ตามที่เค้าล่ำลื่อกันจริงยิ่งคลุกกับน้ำมันกระเทียมเจียว ต้นหอม และผักชีด้วยแล้วอร่อยจริงๆ เพิ่มมิติทั้งรสและกลิ่นของเส้นให้มากทวีขึ้น ส่วนเกี้ยวกุ้งก็ดีระดับน้องร้านดังที่ฮ่องกง เนื้อกุ้งเหนียวเหนียวนุ่มหยุ่นๆแป้งบางแต่ไม่เละ กัดไปหอมกุ้งและเครื่องเทศ รสชาติดีหวานจากกุ้มอมเค็มนิดจากเครื่องปรุงรส แต่ก็ยังไม่เหมือนที่ฮ่องกงจะมีกลิ่นของของทะเลตากแห้งด้วย เช่นหอยเซลล์แห้ง ปลาหมึกแห้ง และปลาเค็ม โดยรวมรสชาติของเกี้ยวกุ้งถือว่าดีเลย มาเนื้อเป็ดย่างก็ดีเลยหนังกรอบกำลังดีเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำหอมชาโคและซอส รสดีกลมๆไม่หวานไม่เค็มโดด แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นเป็ดย่างที่อร่อยที่สุดในเมืองไทย เมื่อเอาเกี้ยวและเป็ดมาทานคู่กับบะหมี่บอกเลยอร่อยเลิส ต่างส่งเสริมกัน เมนูนี้ผ่านคัส มาเมนูที่สองราดหน้าเนื้อ เส้นใหญ่ที่นี่เหนียวนุ่มดีเป็นเส้นๆไม่จับเป็นบึกผัดหอมกลิ่นชาโค น้ำราดเหนียวใสหนืดกำลังดีรสไม่หวานไม่เค็มหอมเต้าเจี้ยวและน้ำมันหอย ส่วนเนื้อนั้นหมักได้เนื้อไม่เละไม่แข็ง นุ่มเหนียวลื่นมีรสหวานเค็มนิดกำลังดีและกลิ่นหอมน้ำมันงาและเหล้าจีนนิดๆชิ้นพอดีคำอร่อย ทานพร้อมกันอร่อยดีงามถือว่าเป็นราดหน้าที่อร่อยเลิส ปริมาณที่ให้มาก็เยอะเลยครับ กินเสร็จก็มาดูในเรื่องราคา บะหมี่แห้งเกี้ยวกุ้งเป็ดย่างชามละ 140 บาท ราดหน้าเนื้อ 160 บาท เฉลี่ยแล้วคนละ 150 บาท ราคาก็ถือว่าโอเคไม่แพงกับการมารับประทานอาหารจีนและรสอร่อยแบบนี้สมกับที่ได้รางวัล Bib Gourmand อาหารที่โดดเด่นข้อนี้ผ่าน ได้คุณภาพข้อนี้ผ่าน ราคาย่อมเยาว์อยู่ในราคามาตรฐานท้องถิ่นข้อนี้ผ่านแบบชิวเฉียดเล็กน้อยแต่ผ่านครับ กินเสร็จแล้วกลับมาทานอีกครั้งแน่นอน
3. ร้านบ้านผัดไทย
Michelin Guide: Bib Gourmand 2018-19
พิกัด : https://goo.gl/maps/AnG5LwnibQn
(อยู่กลางซอยเจริญกรุง 44 เข้าซอยไปอยู่ซ้ายมือ)
เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
เวลาเปิดปิด : 11.00-22.00
โทร : 02 060 5553
ข้อแนะนำ : ควรหลีกเลี่ยงการมาช่วงกลางวันและเย็น เพราะร้านนี้มีชาวต่างประเทศทั้ง ฝรั่ง ญี่ปุ่น เกาหลี จีน มาตามรอยมิชลินและมาทานกันเยอะมากทำให้คอยคิวเข้าร้านและอาหารเป็นเวลานาน อีกทั้งที่ร้านมีนั่งไม่เยอะและไม่มีแอร์เย็นอาจไม่สบายและลำบากในการรอ ถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดา จ.-ศ. จะดีที่สุด อีกอย่างร้านนี้อาหารแต่จะจานให้เยอะมาก ไม่แนะนำให้มาทานคนเดียว เหลือใส่ถุงกับบ้านแน่นอน
Michelin Guide: Bib Gourmand 2018-19
พิกัด : https://goo.gl/maps/iNJ2cWMHtxu
(อยู่ถนนเจริญกรุงฝั่งตรงข้ามโรบินสัน หน้าปากซอยเข้าโรงหนังปริ้นส์)
เปิดทุกวันไม่มีวันหยุด
เวลาเปิดปิด : 6.00-12.00, 16.30-22.00
โทร : 089 795 2629
ข้อแนะนำ : ควรหลีกเลี่ยงการมาช่วงเจ็ดโมงแปดโมงและหกโมงทุ่มนึง เพราะร้านนี้เป็นมีขาประจำคนไทยและขวัญใจชาวจีนอยู่แล้ว อาจคอยคิวเข้าร้านและอาหารเป็นเวลานานนิดแต่ไม่มาก เมื่อเข้าร้านบอกพนักงานเลยมากี่คน ทานนี้หรือใส่ถุง ถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดา จ.-ศ. จะดีที่สุด


ปัจจุบันร้านนั้นได้ย้ายจากซอยมาที่ห้องแถวติดกันกับซอยแล้วนะ ตามรูปเลยครับ มาถึงร้านแล้วเข้ามาในร้านจะเห็นโต๊ะเก้าอี้ว่างเรียงเป็นแถวให้ลูกค้าสามารถนั่งกินโจ๊กและก็มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยยืนรออยู่หน้าร้านเพื่อซื้อโจ๊กกลับไปกินที่บ้าน เข้าไปไม่มีคนบอกเลยว่าแถวไหนสั่งกลับบ้านแถวไหมรอคิวกินที่ร้านตรงไหน เห็นเก้าอี้ว่างก็มีคนจากข้างหลังเดินเข้าไปนั่งเลยที่รู้สึกเสียความรู้จักเรามาเข้าแถวทำไม โต๊ะเป็นแบบสี่เก้าอี้ แต่สามารถนั่งกินกับคนอื่นๆได้ มองกระดานเมนูนิด ไม่รอช้าเรียกพนักงานสั่ง โจ๊กหมูเด้ง กระเพาะ ใส่ไข่ลวกและไข่เยี่ยวม้า 1 ชาม รอไปสิบห้านาทีแล้วโจ๊กก็ไม่มาซักที่ มองคนที่มาหลังเราไหนได้ไปก่อนแล้ว แล้วต้องลุกไปบอกเค้าอีกรอบ ปรากฎว่าเค้าลืมจดของเราและลืมของเราไปด้วย ไม่เป็นไรรออีกไม่เกินห้านาทีโจ๊กก็มาว่าอยู่ตรงหน้าเราแล้ว มองพิจารณาแป๊บไหนที่สั่งไปไมมันมีตับเกิบมาชิ้นวะนี่ ชั่งเหอะแค่ชิ้นเดียว
มาที่เรื่องรสชาติกันเลย โจ๊กรสดีถือว่าเนียนไม่ข้นเป็นก้อนและไม่เหลว ไม่ละเอียดจนเกินไปและไม่หยาบไป หวานหอมน้ำซุปที่น่าจะมาจากน้ำซุปกระดูกหมูและการต้มหมูเด้ง กินมีกลิ่นเตาถ่านที่เป็นเอกลักษณ์ของโจ๊กร้านนี้จริงๆ ซึ่งส่วนตัวคิดว่ามันเป็นเสน่ห์และเข้ากับโจ๊กอยู่ เพิ่มมิติและอรรถรสในการหม่ำมากขึ้น แต่คุณแฟนเห็นต่างไม่ชอบกลิ่นเตาถ่าน มันทำให้ไม่อร่อยเลย ส่วนหมูเด้งนั้นเหนียวนุ่มมีลักษณะเนื้อหมูให้เคี้ยวไม่ใช่มีแต่แป้งเหมือนหมูเด้งทั่วๆไป รสหวานหอมดี อร่อย ส่วนกระเพาะนั้นอร่อย สดเด็ง ไม่มีกลิ่นคาว แต่อยากให้ร้านตัดชิ้นใหญ่กว่านี้หน่อย หั่นมาเล็กจังเคี้ยวไม่สะใจ สรุปรสชาติโดยรวมแล้วดี เป็นโจ๊กที่รสอร่อยและมีอัตลักษณ์ของตน มาที่ราคาโจ๊กอยู่ที่ชามละ 70 บาท ถือว่าก็ไม่แพงไม่ถูก อร่อยแบบนี้สมกับที่ได้รางวัล Bib Gourmand อาหารที่โดดเด่นข้อนี้ผ่าน ได้คุณภาพข้อนี้ผ่าน ราคาย่อมเยาว์ผ่านครับ สามผ่าน กินเสร็จแล้วกลับมาทานอีกครั้งแน่นอน
Michelin Guide: The Plate 2019
พิกัด : https://goo.gl/maps/oFEQYMnpyyj
(อยู่ถนนเจริญ 50 ข้ามโรบินสัน เข้าซอยเข้าไปไม่ลึกมากอยู่ขวามือ)
ปิดวันอาทิตย์
เวลาเปิดปิด : 10.30 -20.00
โทร : 02 233 1116
ข้อแนะนำ : ควรหลีกเลี่ยงการมาช่วง11 โมงถึงบ่ายโมงและห้าโมงถึงทุ่มนึง เพราะร้านนี้เป็นมีขาประจำคนไทยและเริ่มมีชาวต่างชาติมาลองชิมกันมากขึ้น อีกทั้งหอยทอดต้องใช้เวลาในการทำ อาจคอยคิวเข้าร้านและอาหารเป็นเวลานานถึงนานมากขึ้นอยู่กับดวง เมื่อเข้าร้านบอกพนักงานเลยมากี่คน ทานนี้หรือใส่ถุง เคยไปตอนเที่ยง พนักงานบอกต้องรอโต๊ะนึ่งชัวโมง เดินออกจากร้านเลย ถ้าเป็นไปได้มาวันธรรมดา จ.-ศ. จะดีที่สุด


เข้าเรื่องรสชาติ โดยส่วนตัวคือว่าเฉยๆออกไปทางเลียนด้วยซ้ำ ชิมหอยแมลงภู่ทอดแบบเดียวๆ แป้งเหนียวนุ่มแต่ไปทางกรอบๆ หอยสดปานกลาง ไซด์เล็ก มีกลิ่นคาวหอย รสชาติมันๆเลียนๆ หอมพริกไทยและต้นหอม ทานคู่กับน้ำจิ้มแล้วช่วยตัดเลียนไปได้นิดเพิ่มรสหวานเปรี้ยวเผ็ด ส่วนออส่วนหอยนางรมกินแบบเดียว อร่อยดี หอมไข่และต้นหอมพริกไทย หอยนารมสด แต่มีกลิ่นคาวนิดๆ แป้งใสนุ่มเหนียว เมื่อกินคู่กับน้ำจิ้มสูตรสชาติออกเปรี้ยวนิดหวานหน่อย อร่อยเข้ากันดี เมื่อทานสองหอยคู่กันกับรู้สึกธรรมดามากเฉยๆ กลางๆ อยู่ตรงกลางระหว่างอร่อยกับไม่อร่อยจริงๆ จะแปลกก็ไม่แปลก จะว้าวก็ไม่ว้าว ความกรอบนุ่มในส่วนของหอยแมลงภู่ทอด และความฉ่ำหวานของออส่วนหอยนางรม แต่มันไม่ประสานกันเท่าไร มาที่ราคา หอยทับหอยอยู่ที่ราคา 80 บาท ถือว่าสูงเมื่อเทียบกับความอร่อยและปริมาณ ถ้ามาตัดสินตามตามหัวข้อต่างๆ รางวัล Michelin the Plate ใช้วัตถุดิบสดใหม่อันนี้เกือบผ่าน และปรุงอย่างพิถีพิถันอันนี้ก็เกือบผ่าน สรุปกินเสร็จแล้วบาย เจอกันอีกร้านนี้เมื่อคนอื่นต้องการ
สรุปทริปครั้งนี้ก็น้ำหนักขึ้นไป 1 กิโลชิวๆ มีทั้งร้านที่มีรสนิยมาติอร่อยและเฉยๆ แต่ก็ไม่ถึงกับแย่มากทานไม่ได้เลย ก็คุ้มค่ากับการมาตะเวนหม่ำเลยแนะนำครับ แต่ก็มีร้านอร่อยๆที่มีชื่อเสียงอีกหลายๆร้านเลยนะครับที่ย่านบางรักมาชิมกันได้ นอกจากของกินร้านนี้ก็มีสถาปัตยกรรมเก่าที่สวยงามๆ ร้านคาเฟ่กิ๊ปเก๋ โรมแรมสวยๆ วัฒนธรรมที่หลากหลาย วิถีชีวิตของผู้คนให้มาเที่ยวและสัมผัสด้วยนะครับ ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวทริปเดินชิวๆเที่ยวย่านบางรักให้อ่านกันอีกนะคัส อีกทั้งในย่านนี่ยังมีร้านมิชลินสองดาวถึงสองร้าน ถ้ามาหม่ำแล้วละรีวิวให้อ่านกัน ใครมีคำถามถามมาได้เลยครับ ชอบไม่ชอบติชมได้เลยครับ
เมื่อถึงหน้าร้านก็ต้องสะดุดตากับอาคารตึกแถวเก่าอายุเก่า 50 ปีสีฟ้าสดใส ตกแต่งภายในด้วยของเก่านานาชนิด โต๊ะเก้าอี้เป็นไม้ทรงโบราณเก๋ไก๋มาก ร้านนี้ไม่มีแอร์นะนั่งในร้านอาจร้อนหน่อย เข้าร้านมาไม่เห็นเห็นพนักงานต้อนรับแต่อย่างใด งั้นก็เลือกที่นั่งตามสบาย แต่นั่งปุ๊บก็มีพนักงานเอาเมนูมาให้ดูครับ นอกจากผัดไทยก็มีหลากหลายเมนู อาทิเมี่ยงคะน้า ปีกไก่ทอด แต่เราจะโฟกัสที่ผัดไทย เพราะชื่อร้านก็ชื่อผัดไทยอยู่แล้ว ผัดไทยต้องอร่อยที่สุดดิ แต่ผัดไทยที่นี่ก็มีหลายแบบใส่เต้าหู้ ใส่ไก่ ใส่ปู ใส่กุ้ง แต่ที่เราเห็นและอยากกินคงเป็นผัดไทยหมูย่าง จัดไปหนึ่งคัส
รอไม่นานประมาณ 5 นาทีได้ถาดสังกะสีใบใหญ่ก็มาว่างที่โต๊ะ โห่มันเยอะนะนี่ ถ้ามาคนเดียวกินไม่หมดแน่นอน ดีนะที่มาสองคน ถืออาวุธลุย
เรื่องรสชาติของผัดไทยเป็นผัดไทยที่กลิ่นหอมมีมิติของกลิ่นที่ซับซ้อน เส้นเหนียวนุ่ม แต่รสชาติผัดไทยต่ำกว่ามาตรฐาน กินได้แต่ไม่อร่อยมาก รสมันกลมแบบอาหารไทยชาววัง ในความเป็นจริงผัดไทยมันเป็นอาหารบ้านๆชาวบ้านรสต้องจิ้ดจ้าดกว่านี้ เรื่องรสชาติถือว่าไม่ผ่าน ส่วนที่ดีที่สุดของจานคือหมูย่างที่ย่างหมูได้ดีหอมเนื้อสัมผัสนุ่มฉ่ำเด้งมีรสชาติอร่อย แต่ทานรวมกันแล้วมันไงๆไม่รู้คนละทิศละทาง แต่ก็ไม่แย่ รสชาติคนไทยอาจไม่น่าปลื้ม ฝรั่งน่าจะปลื้ม
กินเสร็จก็มาดูในเรื่องราคา ผัดไทยหมูย่างถาดละ 180 บาท เฉลี่ยแล้วคนละ 90 บาท ราคาก็ถือว่าโอเคแต่แอบแพงนิดกับการมารับประทานผัดไทยรสกลมๆไม่อร่อยแบบนี้ไม่เหมาะสมกับที่ได้รางวัล Bib Gourmand อาหารที่โดดเด่นข้อนี้ไม่ผ่าน ได้คุณภาพข้อนี้ผ่านเพราะใ้วัตถุดิบดี ราคาย่อมเยาว์อยู่ในราคามาตรฐานท้องถิ่นข้อนี้ชิวเฉียดสอบตกเล็กน้อยแต่ผ่านครับ กินเสร็จแล้วบายไม่ต้องเจอกันอีกร้านนี้