มามะ มาปั่นจักรยานชิวๆ Slow Life ณ เวียงจันทน์กันดีกว่า เราเดินทางจากอุดรธานี แล้วก็มาข้ามแดนที่จังหวัดหนองคายนะคะ นั่งรถมาถึงหนองคายแล้ว เราก็เดินไม่ที่จุดผ่านแดน เสียเงินคนละ 5 บาท พร้อมโชว์พาสปอร์ต เราก็จะได้การ์ดแข็งเอาไว้ผ่านด่าน เหมือนเดินเข้าบีทีเอสประมาณนั้นค่ะ

แล้วก็ทำพีธีตรวจเช็คพาสปอร์ตผ่านด่านมาเรียบร้อย จุดตรงนี้จะมีเคาน์เตอร์แลกเงินอยู่ เราไม่อยากพกเงินกีบเยอะ รู้สึกงงแล้วก็แบบไม่อยากให้เงินเหลือ ก็เลยขอแลกแค่  500 บาท แล้วนอกนั้นใช้เงินไทยเอา ถ้าใครจะพกเงินไทยไปใช้ก็พกเป็นย่อยๆไปดีกว่านะคะ แบงค์ 20 แบงค์ 50 แบงค์ 100 เพราะเวลาทอนเค้าทอนกลับมาเป็นเงินกีบจ้า

วิธีการคำนวณเงินกีบมาเป็นเงินบาทไทยแบบง่ายๆไม่ใช้เครื่องคิดเลขนะคะ

>>ตัด 0 ออกไป 3 ตัว แล้วคูณด้วยเลข 4

เช่น  6,000 กีบค่ารถ คิดเป็นเงินไทยก็คือ 6×4= 24 บาท

แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าที่ลาวเค้าไม่รับเหรียญไทยค่า รับแต่แบงค์

จากด่านไทยไปด่านลาว เราซื้อตั๋วขึ้นรถ 15 บาทค่ะ เวลาเดินไปจะมีคนเรียกให้ใช้บริการรถของเค้าเราก็ไม่สนใจใดๆ ตรงดิ่งไปซื้อตั๋วปกติค่ะ

พอถึงด่านลาวก็ทำพิธีกรรมอีกรอบ จากนั้นเสร็จก็เจอคนเรียกให้ขึ้นรถเค้าอีกเหมือนเดิม ฉันก็ไม่แคร์ ไม่อยากโดนฟันจ้ะ ก็เดินตรงไปหารถเมล์เขียวสาย 15 ด้านข้างมีธงญี่ปุ่นหราแบบนี้ค่ะ เพื่อไปตลาดเช้าด้วยราคา คนละ 6,000 กีบเท่านั้นเอง บนรถแอร์ชุ่มฉ่ำมาก พอขึ้นแล้วก็นอนยาวเลย

นั่งรถมาเรื่อยๆ สักพักใหญ่ๆเราก็มาถึงตลาดเช้าค่ะ จากนี่เรายังพอใช้สัญญาณมือถือจากไทยได้ แล้วก็เล่นอินเทอร์เนตได้ เราก็เลย Search ดูที่พักที่ลาวที่เราจองผ่าน Booking คือที่ Vientien Star Hotel (จริงเรียกโรงแรมอาจจะไม่ถูก ก็อารมณ์ประมาณ​Hostel)

จากตลาดเช้าถ้าเดินไปก็ไม่ไกลมาก และทั่นแม่ก็โอเค ก็เลยพากันเดินไปค่ะ ระยะทางประมาณ 1 กิโลกว่า เดินตาม GPS โลดค่ะ ง่ายมาก ทางเดินไม่ซับซ้อน

ระหว่างทางแม่ถูกใจกล้วยปิ้งก็เลยจัดค่ะ ราคาประมาณ 5 ลูก 5,000 กีบ ก็ประมาณ 20 บาทบ้านเรา ร้อนๆอร่อยเลย กล้วยเค้าผ่าตรงกลางเอามะพร้าวยัดด้วย แปลกๆแต่ก็หอมหวานอร่อยใช้ได้ค่ะ เดินมาเจอร้านอาหารเยอะๆก็แสดงว่าใกล้ถึงที่พักแล้ว

พอมาถึงที่พัก เราก็จัดแจงเช็คอิน แต่ว่าตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 11 โมง ห้องพักแขกยังไม่เช็คเอาท์ออก ก็เลยนั่งรอไป พอคุยกับเจ้าของที่พักก็ได้ความว่าพี่เค้าเป็นคนไทยค่ะ อัธยาศัยดีทีเดียว พูดภาษาอังกฤษคล่องมาก ก็เลยทราบมาว่าพี่เค้าเกิดที่  LA อเมริกาค่ะ
จากในรูปประตูที่เห็นตรงกำแพงจะเป็นประตูหลัง เปิดออกไปก็เจอร้านเช่าจักรยานที่พี่เค้าแนะนำ พี่เค้าต่อรองให้เช่าได้ทั้งวันราคา 10,000  กีบ เพราะเหมือนว่าปกติจะต้องเอามาคืนภายในวันนั้นเองที่ร้าน แต่พี่เค้าบริการให้ว่าเอามาวางคืนที่ Hostel  ก็ได้

ข้างในห้องพักค่ะ จองไว้ได้เตียงใหญ่ 1  เตียง ห้องน้ำก็อยู่ในห้องนอนเลยค่ะ ไม่ต้องแชร์กับใคร ที่พักวางน้ำขวดเล็กพร้อมกับผ้าเช็ดตัวให้คนละ 1 ชุด ในห้องมีทีวีด้วย นั่งดูซีรี่ย์ไต้หวันจบไป 1 ตอน ดูหนังกับเคเบิ้ลของไทยได้สบายๆเลยค่ะ

หลังจากนั่งพักผ่อนสักพัก ก็พร้อมตะลุยไปเช่าจักรยานปั่นกันดีกว่า ร้านนี้จักรยานค่อนข้างสภาพดี เป็นจักรยานญี่ปุ่น ไม่มีเกียร์นะจ้ะ ประมาณจักรยานแม่บ้าน มีตะกร้าข้างหน้าใส่ของด้วย

ที่โฮสเทลให้แผนที่การเดินทางมาด้วย โดยเราปั่นจักรยานไปตามทางรถวิ่ง และห้ามย้อนศรนะคะ เราจะไม่เห็นภาพการปั่นย้อนศรเลย เพราะตำรวจลาวจะเป่าปี๊ดๆใส่แน่นอน

เส้นทางแนะนำคือตามไฮไลท์สีเขียวเลยค่ะ ปั่นจากที่พักนั่นก็คือแถวน้ำพุ ร้านขอบใจเด้อ แล้วก็จะผ่านวัดสีสะเกด ผ่านประตูชัย  ตรงเลยขึ้นไปก็จะเป็นวัดพระธาตุหลวง

ปั่นจักรยานมาไม่นานก็จะเห็นประตูชัยค่ะ (ตอนแรกคิดว่าจะเดิน ดีที่ไม่ได้เดิน ก็แอบไกลเหมือนกัน) ประตูชัยถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถาน ระลึกถึงประชาชนชาวลาวผู้ที่เสียสละชีวิต ในสงครามก่อนหน้าการปฏิวัติของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยรูปแบบการก่อสร้างได้รับอิทธิพลมาจากประตูชัยในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส  สามารถขึ้นไปชมได้ โดยเสียค่า ผ่านประตูคนละ 2,000 กีบ  เวลาทำการ 08.00 – 17.00 น. ข้างบนก็จะมีของขายแล้วก็เป็นจุดชมวิวด้วยค่ะ

แต่เนื่องจากเราตั้งใจจะไปไหว้ที่วัดพระธาตุหลวงก่อน ตอนนี้เราเลยขอถ่ายรูปไกลๆก่อนๆ 😀

ระหว่างทางที่ปั่นไป พระธาตุหลวงจะมีทั้งทางขึ้นเนิน และลงเนินค่ะ เมื่อยขาเล็กน้อย แต่ตอนลงเนินก็สบายค่ะ เราปั่นเข้ามาจอดทางด้านข้างวัด

ใครจะไปพระธาตุหลวง เช็คเวลาดีๆนะคะ ไม่อย่างนั้นถ้ามาช้าเค้าปิดก็อดเข้าไปตามระเบียบจ้า

แล้วก็ซื้อตั๋วค่าเข้าคนละ 5,000  กีบ ส่วนผู้หญิงใครใส่ขาสั้นไป ก็จะมีผ้าซิ่นให้พันค่ะ เพื่อความเรียบร้อย

แล้วก็ขอแวะกินข้าวร้านอาหารตามสั่งอยู่ตรงข้ามกับวัดพระธาตุหลวงเลยค่ะ มีป้ายบอกราคาอาหารเรียบร้อย มื้อนี้ 2 คน รวมน้ำแดงอีก 1ขวด รวม 160 บาท ราคาแอบแพงกว่าบ้านเราเยอะเลย

เครื่องปรุงที่วางบนโต๊ะมีทั้ง พริก มะนาว น้ำพริกเผา กะปิ ซอส ซีอิ๊ว ผงชูรส บนโต๊ะ 555+ ละลานตามาก

อิ่มแล้วก็ปั่นกลับมาที่ประตูชัยอีกรอบ คราวนี้ไปหาที่จอดรถแล้ว เราดูแล้วระยะทางปั่นไปกลับจากที่พักไปพระธาตุหลวง รวมแวะที่ต่างๆประมาณ 10 กิโลเมตร ทางด้านท่านแม่ก็เริ่มงอแงแล้ว บอกขอปั่นไปถ่ายรูปด้านหน้าพอนะ แม่ไม่ขึ้นล่ะ ซึ่งเราก็ไม่อะไรเพราะเคยขึ้นไปประตูชัยมาก่อนแล้วครั้งนึง

ให้นักท่องเที่ยวแถวนั้นถ่ายรูปให้ ถ่ายมาไม่เต็มอีกแน่ะ แต่ไม่เป็นไร

จริงๆทางผ่านเราจะผ่านทั้งวัดสีสะเกด และ วัดหอพระแก้ว (ช่วงนี้ปิดบูรณะอยู่) แต่เนื่องจากคุณแม่เหนื่อย ก็เลยขอไหว้ด้านนอกอย่างเดียวจ้า (^/|\^)

ตามแผนที่ ทางกลับที่พักเราจะสามารถผ่าน Night Market ซึ่งส่วนใหญ่ขายเป็นพวกเสื้อผ้า ของที่ระลึกได้ เค้าจะตั้งกันช่วงเย็นๆเกือบมืดเลยค่ะ ตอนที่เราผ่านยังไม่ตั้งร้านกัน Night Market อยู่บริเวณ Fa Ngum Road

กลับที่พักเราก็เอาจักรยานจอดค่ะ นั่งเล่นสักแป๊บแล้วก็ลากแม่ไปลองร้านกาแฟ Joma แถวที่พัก อารมณ์ประมาณ​Starbucks คนที่นั่งในร้านส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ฝรั่ง เอเชียก็มีประปราย ส่วนมากก็นั่งเล่นเน็ต เม้ามอย ขอรหัส Wifi ใช้ฟรีได้ที่เคาน์เตอร์

เราสั่งคาราเมลล่าปั่น กับเค้กค่ะ  รสชาติกาแฟเข้มนิดนึง ส่วนเค้กไม่ค่อยอร่อย พอกินได้ สรุปแล้วชอบบรรยากาศร้านมากกว่ารสชาติอาหารค่ะ 555

ส่วนมื้อเย็นดึกๆเราก็เดินออกมาตรงหน้ากาแฟ Joma น้ำพุอีกรอบ  แล้วก็ข้ามถนนไปก็จะเจอร้านขอบใจเด้อ

เลือกนั่งชั้นบนค่ะ ลมเย็นๆ ทายากันยุงให้เรียบร้อยเดี๋ยวยุงตอม อิอิ

สั่งเบาๆค่ะ พิซซ่า 1 ถาด แล้วก็ ลาวเกรีย เป็นเหล้าผสมกล้วย แอ๊ปเปิ้ล มะนาว หวานๆหอมๆ ส่วนลาวเบียร์เดี๋ยวขอเก็บไว้เป็นพรุ่งนี้ดื่มแทน เนื่องจากคุณแม่ไม่อนุมัติ

เครื่องดื่มมาก่อน

พิซซ่ารออบนานนิดนึง คือกินน้ำจนจะหมดแล้วค่อยโผล่มา แนะนำให้รีบสั่งเข้าไปก่อน ส่วนรสชาติอร่อยแปลกๆดี แป้งเหมือนแป้งขนมปัง แต่ชีสเยิ้มมาก ฟินน

พอกินเสร็จ กลับถึงที่พักดันเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิด น้ำแอร์ในห้องพักพุ่ง -_- แล้วก็แอร์มีเสียงดัง ซึ่งตอนแรกเจ้าหน้าที่ตามช่างมาซ่อมแต่ช่างมาถึงก็ดึกแล้ว เลยขอไม่ซ่อม เพราะว่าง่วงมาก กลัวไม่ได้นอน ><‘ เศร้าแจ๊คพ็อตมาเจอห้องเราห้องเดียวที่เสีย จะเปลี่ยนห้องก็ไม่ได้เพราะที่พักเต็ม

ตัดมาช่วงเช้าที่นี่บริการอาหารเช้า และชากาแฟฟรีด้วยค่ะ เริ่มตอนเวลา 7:00
เราสั่ง Scrambled egg กับ Poached egg

เสร็จแล้วเราก็เดินจากที่พักไปยังตลาดเช้าเช่นเดียวกับขามาค่ะ ก่อนจะจากเวียงจันทน์ขอทดลองข้าวจี่ลาวซักหน่อย ถึงแม้ร้านจะดูไม่สะอาดเลย เพราะพี่แกเล่นมีของเสื้อผ้า แล้วก็หน้าตาแม่ค้าไม่ค่อยรับแขก แต่ก็ต้องของลองสักหน่อย  1  อัน 5,000 กีบค่ะ

แวะซื้อเบียร์ลาวโกลด์เย็นๆไว้กินบนรถ ^___^

ขากลับเรานั่งรถ Pattern เดิมกลับขามา ยกเว้นจากด่านลาวไปอุดร นั่งรถบัสคันใหญ่เสียคนละ 100 บาท ถึงบขสเลยค่ะ

นั่งสามล้อจากขนส่งอุดร เข้าไปที่สนามบิน 100 บาทค่ะ ถูกกว่าตอนมาแท็กซี่เท่าตัวเลย 55 ขอจบรีวิวตรงนี้ละจ้ะ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบน้า ❤