สืบเนื่องจากโปรโมชั่นจาก AirAsiaGo เมื่อเดือนที่แล้วทำให้ทริปนี้ฝุดขึ้นมาอย่างไว เลยลองชวนแม่ไปเที่ยวอุดร แล้วก็เวียงจันทน์แบบสบายๆ 2 คนแม่ลูก เมื่อกลางเดือนมิยที่ผ่านมา โชคดีมากที่ฝนไม่ตกทั้ง 3 วันเลย
ตารางค่าใช้จ่ายทั้งหมด
แผนของทริปนี้คือเน้นการพักผ่อนมากกว่าการเที่ยว (ฮา) เราจองไฟลท์ DMK-UTH 11:00-12:00 ส่วนขากลับ UTH-DMK 12:40-13:40 เพราะถ้าอีกไฟลท์นึงคือดึกไปเลย ม๊าไม่โอ โปรนี้ตกคนละ 1,037 บาทเป็นตั๋วเครื่องบินไปกลับ พร้อมที่พักที่โรงแรมเซ็นทารา อุดร จำนวน 1 คืน แล้วก็มีอาหารเช้าด้วย ทำเลที่พักอยู่ติดกับห้างเซ็นทรัล และขนส่ง 1 ค่ะ เดินทางสะดวก
และด้วยความงกแม่ลูกมีกระเป๋าติดตัวคือ กระเป๋าเป้สะพายมาคนละใบค่ะ เพื่อที่จะได้ไม่เสียค่าโหลดกระเป๋า ไฟลท์ขาไปค่อนข้างแน่นทีเดียว เต็มเกือบทุกที่นั่งเลย ม๊าบอกว่าเนี่ยเดี๋ยวนี้บินแป๊บเดียวชั่วโมงเดียวก็ถึงแล้ว ราคาถูกด้วย ดีจัง
พอมาถึงที่สนามบินอุดร มีวิธีการเข้าเมือง ไปเซ็นทารา หรือขนส่ง 1 ดังนี้
Opt1 คือจะนั่งรถตู้เข้าตัวเมืองก็ได้ ราคาคนละ 80 บาท แต่ต้องรอรถตู้เต็ม แล้วเค้าก็จะแวะส่งคนไปเรื่อยๆ
Opt2 เดินออกไปนั่งรถสองแถวแดงที่ด้านหน้าสนามบิน เดินประมาณ 1 กิโล แต่ว่าไม่ค่อยเห็นคนเดินเท่าไหร่ ราคา 15 บาท
Opt3 นั่งแท็กซี่ เหมา 200 บาท
ม๊าบอกขอสบายละกัน นั่งแท็กซี่นี่แหละ เพิ่มอีกคนละ 20 บาทเอง แท๊กซี่ที่มารับคนขับก็เป็นคนของบริษัทเดียวกับรถตู้ค่ะ รถเป็นรถป้ายเขียว สีดำทั้งคัน แล้วก็มาช่วยยกกระเป๋าด้วย
หลังจากเช็คอินก็เอาของไปเก็บค่ะ เค้าแอบอัพเกรดห้องเราให้เป็นซุพีเรียร์ด้วย ตอนแรกจองแบบไม่มีหน้าต่างมา เพราะมันถูกกว่า 555
เข้าไปสำรวจในห้องน้ำเป็นแบบฝักบัวอย่างเดียวไม่มีอ่างนะคะ ส่วนที่นอนและของใช้ในห้องก็โอเคดีมีบริการเพิ่มพวกแปรงสีพัน ยาสีฟัน เครื่องดื่มแต่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม และทุกห้องเป็นระบบคีย์การ์ดค่ะ ให้มา 2 ใบ พร้อมกับคูปอง Welcome Drinks ซึ่งไม่มีอะไรให้เลือกนอกจากน้ำส้ม -_-
เป้าหมายของการมาเที่ยวอุดรก่อนในครั้งนี้คือการไปที่ ศาลเจ้าปู่-ย่าค่ะ เห็นจากใน Pantip นี่แหละค่ะว่าสวยมากๆ มีให้อาหารปลาคาร์ฟด้วย
ศาลเจ้าปู่-ย่า ตั้งอยู่หลังสถานีรถไฟใกล้ตลาดหนองบัว ถนนนิตโย เป็นศาลเจ้าแบบจีนค่ะ วิธีการเดินทางจากโรงแรมเราเดินทะลุมาเซ็นทรัล แล้วก็เดินไปขึ้นสองแถว สาย 9 หรือ สาย 15 ก็ได้ค่ะ จะผ่าน UD Town แล้วก็ลงหน้าศาลเจ้าเลย หรือเอาให้ชัวร์ถามคนขับก่อนว่าผ่านรึเปล่า ค่ารถคนละ 10 บาท
แค่เดินเข้ามานิดเดียวก็สัมผัสได้ถึงความร่มรื่นของที่นี่แล้วค่ะ เราเข้ามาก็จะเจอกับสวนตกแต่งสไตล์จีน พร้อมรูปปั้นแกะสลักก่อนเลย รูปแกะสลักบริเวณผนังนี้จะมีเรื่องเล่าของจีน ซึ่งให้ข้อคิดที่แตกต่างกันโดยมีคำอธิบายทั้งภาษาจีนและไทย ค่ะ ม๊าถ่ายรูปส่งให้เพื่อนดู เพื่อนม๊านึกว่าอยู่เมืองจีนเลยทีเดียว
อาหารปลา 20 บาท เท่านั้น เค้าจะใส่อาหารไว้ในขวดนม แล้วก็มีน้ำอยู่ข้างในด้วย เวลาให้ก็หย่อนให้ปลาได้เลย ไม่ต้องเปื้อนมือด้วย ตอนที่ให้ปลาคาร์ฟก็จะมารุมกันใหญ่เลย แบบว่าเยอะมากกก
ก่อนที่จะเดินชมสวนต่อ เราเข้าไปไหว้ที่ศาลเจ้าปู่-ย่า ก่อนค่ะ บริเวณโดยรอบก็จะมีโรงงิ้วที่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียว โดยที่อุดรนี่จะมีงานใหญ่ช่วงเดือนธันวาคมค่ะ
และถัดออกมาก็จะมีสวนแห่งศรัทธา ซึ่งสร้างโดยใช้สถาปัตยกรรมสวนจีนโบราณ เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู สาธารณรัฐประชาชนจีน การตกแต่งใช้วัสดุจากจีน โดยใช้งบกว่า 20 ล้านบาทเลยทีเดียว
ข้างๆกันนี้ก็มีร้านชา ผิงอัน ร้านขายชาจีน แต่เราไม่ได้แวะเข้าไปค่ะ ใครที่พอมีเวลาก็นั่งจิบชาเบาๆได้ที่นี่ หรือกาแฟก็มีขายกาแฟสดด้วยเหมือนกันค่ะ
เราเดินเข้าไปเดินชมในอาคารพิพิธภัณฑ์ใช้เวลาค่อนข้างนานเหมือนกันค่ะ โดยพิพิธภัณฑ์นี้จะบอกเล่าเรื่องของคนไทยเชื้อสายจีนในอุดรธานีกว่า 120 ปีที่แล้วและการวมตัวของ 9 องค์กร 11 ตระกูลแซ่ ประเพณีต่างๆของชาวจีน การไหว้เจ้า รวมถึงเรื่องราวของขงจื่อ นักปราชญ์จีน ตลอดการเดินชม มีน้องไกด์ฝึกหัดเป็นเจ้าหน้าที่ในการนำชมค่ะ น่ารักมากและได้ความรู้เป็นอย่างดี จริงๆถ่ายรูปด้านในมาเยอะมากนะเนื่ย 555
หลังจากชมพิพิธภัณฑ์เสร็จ ก็เริ่มรู้สึกหิว มาถึงอุดรทั้งที ก็ต้องไปกินแหนมเนืองสินะ
ตอนแรกด้วยความงก ก็เลยว่าจะนั่งรถสองแถวไป แต่ทว่ามันไม่มีรถสองแถวจากศาลเจ้าไปร้านแหนมเนืองตรงๆเลย ต้องนั่งรถต่อ 2 รอบ เราก็เลยเปลี่ยนแผนเรียกสามล้อดีกว่า ต่อรองราคาได้ที่ 70 บาท คุณลุงแกขับรถช้ามาก แต่เราก็ไม่อะไรถือว่านั่งรถชมเมือง
ร้านแหนมเนืองวีที ใหญ่มากจ้า
สั่ง 1 ชุด กินกัน 2 คน แค่นี้ก็ทานอย่างอื่นไม่ไหวแล้วค่ะ แล้วก็สั่งขนมหวานมาปิดท้าย
ขากลับตอนแรกพยายามจะนั่งรถสองแถวกลับ แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่ารถสองแถวเลิกวิ่งตอนประมาณ 6 โมงเย็น ตรึ๊งง… เสียเวลารอตั้งนาน มิน่า มันวิ่งแต่ไปอีกทางนึง
สรุปเรียกสามล้อกลับโรงแรม 60 บาทจ้า กลับโรงแรมแล้วเราก็ไปว่ายน้ำเล่นนิดหน่อย ในส่วนของฟิตเนสที่นี่ดูดีแต่ว่าบางส่วนกำลังปิดซ่อมอยู่ แล้วก็มีคลาสโยคะให้เข้าด้วย ณ ตอนที่เราไปกำลังทาแล็กเกอร์อยู่พอดีพื้นเหม็นมาก 555
ตอนเช้าอาหารบุฟเฟ่ต์ของโรงแรมก็มีหลากหลายดีค่ะ สารพัดไข่ ข้าวต้ม โจ๊ก ไส้กรอก เบคอนแข็งไปนิด ชากาแฟ น้ำผลไม้ตามมาตรฐานโรงแรม
เราออกจากโรงแรมตอนประมาณ 8 โมง แต่บังเอิญได้พี่ที่ทำงานเก่าผ่านมาแถวนั้นพอดี เลยติดรถไปลงหนองคายหน้าด่านค่ะ ประหยัดเงิน อิอิ
แต่ปกติโรงแรมนี้ก็ติดกับบขส.1 อยู่แล้ว เดินไปซื้อตั๋วไปอุดร – เวียงจันทน์ไม่ยากค่ะ