สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาพบกับทริปพาคุณแม่เที่ยวแบบโกอินเตอร์อีกแล้ว เนื่องจากว่าม๊าเราถึงจะอายุ หกสิบกว่าแล้ว แต่ร่างกายฟิตเปรี๊ยะ และม๊าเราก็บ่นมานานแล้วว่าอยากไปเซี่ยงไฮ้  แต่ขอไปเองนะ

จ้ะ ไอ้เราก็ไม่ค่อยชอบเที่ยวเมืองจีนนะ เพราะยุ่งยากเหลือเกิน ไหนจะภาษาจีนก็พูดไม่ได้ แล้วยังต้องทำวีซ่าอีก สู้ไปญี่ปุ่นๆหลายๆรอบดีกว่า 555+ แต่เมื่อท่านแม่เรารีเควสมาบ่อยๆ และสบโอกาสจังหวะเห็นราคาตั๋ว Air Asia มีโปรโมชั่นพอดีก็เลยจัดสิคะ

1) ค่าตั๋วเราซื้อกระเป๋าแค่ขากลับ 1 คนค่ะ (แบบว่าคนมันงกอ่ะ เพราะเราโหลดขาไปฟรีอยู่แล้ว มีคูปองแอร์เอเชียที่ได้จากบัตรเครดิต BBL ของกรุงเทพอยู่แระ ประหยัดไปหนึ่ง 555 ) สิริรวมค่าตั๋วไปกลับ 2 คน รวม 12,190 บาท ตกคนละ 6,095 บาท (ถูกกว่าไปญี่ปุ่น เรารับได้ 555)

2) พอได้ตั๋วแล้วก็จัดการขอวีซ่าโลดค่ะ  แนะนำให้ปริ้นท์ฟอร์มกรอกไปก่อนเลย ส่วนเราไม่ได้ไปยื่นเอง ฝากทั่นแม่ไปยื่น อันนี้ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งของวีซ่าประเทศนี้ ที่ไม่ต้องเสียเวลาไปทำเอง หรือจะไปจ้างเค้าก็ได้
โดยปริ้นท์แล้วกรอกแบบฟอร์มจากเว็บเลยจ้า https://www.visaforchina.org/BKK_TH/generalinformation/downloads/278317.shtml
ของเรายื่นแบบรอปกติ คนละ 1,500 บาทค่ะ ใช้เวลาประมาณ 7 วันทำการ

3) ที่พัก เราจอง 2 ที่ 2 คืนแรกนอนในเมือง ชื่อโรงแรม Hao Du Hotel ส่วนคืนสุดท้าย เพิ่งมาเห็นว่าเวลาขากลับ Air Asia X ค่อนข้างแย่ แบบว่าบินเช้ามาก ก็เลย ต้องไปนอนที่โรงแรมตรงสนามบินค่ะ 1 คืน Da Zhong Pudong Airport Shanghai https://www.traveloka.com/th-th/hotel

4) ที่เที่ยว เรามีความใฝ่ฝันว่าอยากไป Disneyland ให้ครบทั่วโลกค่ะ ก็เลยต้องมาเก็บตกที่นี่ด้วย Disneyland Shanghai สำหรับตั๋วแนะนำว่าถ้าซื้อล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ และถ้าไปวันธรรมดาราคาจะถูกกว่า ราคาวันเสาร์อาทิตย์ และสำหรับคุณแม่ก็จะมีราคาพิเศษสำหรับ ผู้สูงอายุค่ะ รวมกัน 2 คน ใครไป 2 วันแนะนำให้จองผ่าน https://www.traveloka.com/th-th/activities  ราคาคุ้มมาก

5) ซิมอินเทอร์เน็ต เราแนะนำว่าให้ซื้อซิมจากเมืองไทยไปใช้ จะค่อนข้างสะดวกมากเลยค่ะ เพราะถ้าไปใช้อินเทอร์เน็ตที่จีนเนี่ยถูกบล็อคหมดค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Line, Google หรือว่า Facebook แต่ถ้าใช้ซิมจากไทย อย่างเราซื้อ Sim2Fly ไปก็ใช้ได้หมดค่ะ ไม่ต้องมานั่งโหลด Vpn มาใช้ให้ปวดหัว

ตารางการเที่ยว
วันที่ 7 Dec 18
– Shanghai Pudong Airport >> ฝากกระเป๋าที่ โรงแรม Hao Du Hotel>> Disneyland
วันที่ 8 Dec 18
– Jing’an Temple >>Yuyuan Garden, Yuyuan Market >>The Bund
วันที่ 9 Dec 18 
– Starbucks Reserve Roastery เซี่ยงไฮ้ สาขาที่ใหญ่สุดในโลก>> Shanghai Natural History Museum >> Xintiandi
แล้วก็ย้ายโรงแรมไปยัง Da Zhong Pudong Airport Shanghai Hotel

วันที่ 7 Dec 18
วันแรก เนื่องจากเราถึงสนามบินในตอนเช้ามากจ้ะ ก็ประมาณตีห้าครึ่ง เราจึงวางแผนที่จะไปเที่ยว Disneyland วันนี้เลย ตอนแรกลังเลว่าจะนั่งแท็กซี่ไปเลยแล้วไปฝากกระเป๋าที่โน่นเอา หรือว่าไปเก็บกระเป๋าที่พักก่อน แต่สุดท้ายก็เลือกไปเก็บที่โรงแรมก่อนดีกว่าแล้วค่อยไปชิวๆ

จากสนามบินไปโรงแรม Hao Du Hotel  สามารถนั่งรถ Airport Shuttle bus Line no. 5
From Pudong airport to Shanghai Railway station, Pudong Avenue,Oriental Hospital, Middle Yan An road
ให้ลงที่ Middle Yanan road stop แล้วเดินอีก 4 นาทีถึงโรงแรม

หรือจะนั่ง Subway ก็ได้ค่ะ
ถ้า Subway ต้องเปลี่ยนสาย นั่งสาย Line2 ไป People’s square และไปเลี่ยนเป็นสาย Line 8 ลงที่สถานี Dashijie station เดินออกทางออกที่ 2 แล้วเดินประมาณ 5 นาที

ถ้าเราแนะนำ ให้นั่ง Airport shuttle bus ไปดีกว่าค่ะ ที่นั่งกว้างสบาย ราคา 20 หยวนต่อเดียวเลย เดินไปยืนรอตรงป้ายง่ายๆเลย

พอถึงโรงแรมตอนแรกนึกว่ายังไม่ให้ขึ้นห้อง ได้แต่ฝากกระเป๋า แต่โชคดีว่าห้องพร้อมแล้วเข้าได้เลยค่ะ  ที่พักที่นี่ตกคืนละประมาณ 1,500 บาทสำหรับห้อง Twin พร้อมอาหารเช้าแบบจีนๆ ห้องอาบน้ำมีอ่างด้วย เป็นห้องน้ำเหมือน Toyoko inn ที่พักที่ญี่ปุ่นเลย

เนื่องจากว่า Disneyland Shanghai ที่นี่ใหญ่มากกก ความหมายคือความกว้างนะคะ แบบแต่ละเครื่องเล่นเรารู้สึกว่าเดินไกลจริงๆจะใหญ่ไปไหน แล้ววันที่เราไปดันฝนตกทำให้บางเครื่องเล่นปิดอีก แอบรู้สึกเซง แต่ๆ ข้อดีของวันฝนตกคือคนน้อย ดังนั้นพวกเครื่องเล่นฮอตฮิตที่เปิดก็จะใช้เวลาต่อคิวน้อยกว่าปกติ ถือเป็นความโชคดีในโชคร้ายไป

สำหรับการเตรียมตัวเที่ยว Disneyland Shanghai ก็คือโหลด app มาก่อนเลยจ้า จะดูได้เลยว่า ตอนนี้เราอยู่จุดไหนแล้ว และต้องรอเวลาเครื่องเล่นกี่นาที แบบว่าไฮเทคสุดๆเลยค่ะพี่จีน เพราะดิสนีย์แลนด์อื่นๆที่เราเคยไปมายังถือแผ่นกระดาษแผนที่เดินตามอยู่เลย ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง ญี่ปุ่นหรืออเมริกา แต่พี่จีนเราล้ำหน้าไปแล้วจ้า

Shanghai Disneyland 
วิธีการเดินทาง : มาจากโรงแรม นั่ง Metro สาย 8 แล้วมาเปลี่ยนที่ Oriental Sports Center แล้วขึ้นสาย 11 มาที่ Disney Resort
เวลาเปิดปิด – วันธรรมดา 9:00-20:00 วันหยุด 8:00-21:00

เครื่องเล่นที่แนะนำ
1. Soaring Over The Horizon เราชอบอันนี้ค่ะ นั่งกับม๊สแล้วเพลิน  มันจะมีลมปุดๆเป่า อารมณ์แบบชั้นกำลังจะลอย ล่องลอยไปในอวกาศ แล้วก็มีฉีดกลิ่นหอมๆ  4D สุดๆ ม๊าบอกเนี่ยชอบๆเหมือนไปเที่ยวจริงๆทุกที่เลย
2. Tron Lightcycle Power Run อันนี้เหมือนเป็นรถไฟเหาะ เหมาะกับคนชอบเครื่องเล่นหวาดเสียวค่ะ อันนี้เราไม่เคยเล่นที่ Disneyland  ที่อื่นเลย ​(คิดว่าที่ดิสนีย์อื่นไม่น่าจะมีมั้ย ) เหมาะกับคนที่ชอบเครื่องเล่นหวาดเสียว ส่วนเรานั้นไปเล่นทำไมก็ไม่รู้ โอยน่ากลัว หัวใจจะหยุด เพราะมันเร็วเหลือเกิน หลับตาตลอดทางเลยจ้าาา
3. Pirate – Battle for the sunken อยากที่จะเล่นแต่ดันปิดซะงั้นค่ะ สวัสดี

สุดท้ายม๊าเราก็บอกว่าไปกินข้าวกันก่อนแล้วก็ไปเล่นม้าหมุนกันแล้วกลับกันเถอะ ม๊าเหนื่อยแล้วขี้เกียจเดิน เราก็เลยต้องลาจากดิสนีย์แลนด์แด้วยการเล่นเครื่องเล่นทั้งหมด 3 อย่าง แง๊ แต่ไม่เป็นไรทริปนี้จะเป็นการตามใจม๊า เพราะยังไงความฝันของเราก็ได้ Fulfill ด้วยการมาเหยียบดิสนีย์แลนด์ เซี่ยงไฮ้สักทีแระ

วันที่สองของการเดินทาง
วันที่ 8 Dec 18
– Jing’an Temple >>Yuyuan Garden, Yuyuan Market >>The Bund

Jing’an Temple 
วิธีการเดินทาง : Subway  นั่ง Metro line สาย 2 หรือ 7 ลงที่สถานี Jing’an Temple Station Exit 1
ค่าเข้า 50 หยวน
เวลาเปิด ปิด : 07:30 -17:00

วัดจิ้งอันเป็นวัดที่เก่าแก่ในเซี่ยงไฮ้มีอายุมากกว่า 800 ปี พอเราขึ้นจากสถานี Subway ก็จะเห็นห้างใหญ่ก่อนเลย และเดินมาอีกเพียงเล็กน้อยก็จะเจอกับวัดจิ้งอัน ที่อยู่ท่ามกลางตึกสูงของมหานครเซี่ยงไฮ้ล้อมรอบ ที่อเมซิ่งแรกก็คือ Cashless Society ที่จีนจ้า  คือ Vending machine สำหรับการซื้อธูป  โหวแบบอะไรนะแค่ธูปไหว้พระ เราก็ไม่ต้องซื้อจากคนขายและ ซื้อจากตู้กดอัตโนมัติกันเลย ไอ้เราก็อยากลองซื้อมาก ตอนแรกเข้าใจว่าใช้เงินซื้อก็ได้ แต่จริงๆแล้วไม่ใช่จ้า เค้ารับแต่การจ่ายด้วย QR code payment ผ่าน we chat  ทีนี้ก็เลยงงเลยว่า อ่าวแล้วนักท่องเที่ยวจะซื้อยังไงเนี่ย สรุปคือถ้าจะซื้อกับคนต้องเดินอ้อมไปซื้อด้านหลังค่ะ ซื้อผ่านตู้อัตโนมัติไม่ได้  ช่างกีดกันเหลือเกินนะ

กิจกรรมที่ทำในวัดนอกจากไหว้พระแล้ว ก็คือการโยนเหรียญขอพรให้เข้าไปในเจดีย์ธูปที่อยู่ตรงกลางลานค่ะ ถ้าเดินอยู่เราก็จะเห็นเหรียญตกอยู่ตรงพื้นเต็มเลย ส่วนคุณแม่ทดลองโยนทีเดียวเข้าได้เลย เก่งมากจริงๆแต่ชั้นโยนยังไงก็ไม่เข้า พยายามอยู่พักนึงก็เลิกจ้ะ บะบายย

ก่อนจะไป Yuyuan Garden เนื่องจากเราดู Google map และกดผิด จากที่ตั้งใจจะไปที่ Yuyuan Garden เลยไปลงผิดสถานี มาลงตรง East Nanjing Road ก็เลยถือว่าแวะกินกลางวันก่อนละกัน 555

East Nanjing Road Station
พอเดินวนไปวนมา ก็มีของกินอยู่หลายร้าน ไม่ว่าจะซาลาเปาน่ารักๆแบบไม่กล้ากิน หรือพวกหมาล่าเป็นไม้ๆ

สุดท้ายมาจบที่ร้านนี้ Yang’s dumpling อร่อยดีเป็นลูกชิ้นปลาน้ำซุปราคา 9 หยวน และ Dumpling set ราคา 32 หยวน ดูเหมือนจะเป็นร้านเก่าแก่ที่มาเปิดสาขาในห้าง ก็ดีไม่ต้องไปถึงสาขาต้นตำรับก็มีให้กินในห้าง อร่อยใช้ได้เลย แนะนำจ้าร้านนี้

Yuyuan Garden, Yuyuan Market 
สวนอี้หยวนเป็นสวนจีนสไตล์Suzhou เก่าแก่ อายุมากกว่า 400 ปี โดยมีพื้นที่กว้างขวาง ร่มรื่น เหมาะกับการถ่ายรูปมากค่ะ
วิธีการเดินทาง : Metro line สาย 10  สถานี Yuyuan Garden ทางออก 1
ค่าเข้า 40 หยวน (1 Apr – 30 Jun 30; 1 Sep 30 Nov)
30 หยวน (1 Jul – 31Aug; 1 Dec – 31 Mar)
ปล. ช่วงที่เราไปค่าเข้า 30 หยวน คุณแม่อายุมากกว่า 60 ปี เสียแค่ 15 หยวน
เวลาเปิด ปิด : 8:30 – 16:45

พอเดินในสวนจนจุใจแล้วก็เดินมาที่ Yuyuan market ด้านนอกมีแต่ร้านของกิน อารมณ์เหมือนตลาดน้ำบ้านเราที่รวบรวมของกินหลากหลายไว้ แล้วก็มีของที่ระลึกให้ช้อปปิ้งนิดหน่อย ม๊ากับเราก็กินกระจาย เราแวะมาร้านที่เหมือนเป็น Food court ทั้งตึก เลือกกินอาหารได้ตามใจชอบชื่อ Sung Yun Tower จัดปูม้าไป 36 หยวน แล้วต่อด้วย Crab soup dumpling ที่จริงๆจะมีร้านดังอยู่ด้านนอก แต่เราขี้เกียจต่อแถวค่ะ อารมณ์เหมือนเสี่ยวหลงเปาลูกโต แล้วก็เอาหลอดปักดูดน้ำซุปก่อนกินร้อนๆเลย   ละก้อต่อด้วยถังหูหลู 15 หยวน แอนด์ร้านขนม Mr. Qiao’s 2 ชิ้น 20 หยวน

The Bund
The Bund หรือ Waitan  เป็นริมหาดใจกลางเมืองเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Yuyuan Garden เหมาะกับการมาเดินช่วงกลางคืน เพราะจะมีไฟเปิด และเห็นอาคารสไตล์ยุโรปสวยๆ พร้อมกับเห็นหอไข่มุกยามค่ำคืนค่ะ
วิธีการเดินทาง : Metro ​Line 2 หรือ 10 ลงสถานี East Nanjing Road แล้วเดินต่อค่ะ
แต่ตอนขามาจาก Yuyuan Garden เราจ้างรถสามล้อที่ผ่านมาพอดี หน้าร้านชานมไข่มุก ตอนแรกต่อราคาไปที่ 15 หยวน แต่พอเรามีแต่แบงค์ 20 เค้าเลยทอนมาแค่ 2 หยวนซะงั้นแล้วบอกว่าไม่มีเงินทอน แบบ โกงกันซึ่งๆเลย โกรธมากกกก

ปล. ยิ่งริมแม่น้ำนี่แบบว่าหนาวมาก แต่ประชาชนนักท่องเที่ยวถ่ายรูปกันชิวๆ ส่วนพวกเราแม่ลูก ถ่ายรูปสักพัก ก็ล่าถอย เดินไปหาของกินต่อแถวสถานีดีกว่า อิอิ

วันที่สามของการเดินทาง 

วันที่ 9 Dec 18 
– Starbucks Reserve Roastery เซี่ยงไฮ้ สาขาที่ใหญ่สุดในโลก>> Shanghai Natural History Museum >> Xintiandi
แล้วก็ย้ายโรงแรมไปยัง Da Zhong Pudong Airport Shanghai Hotel

Starbucks Reserve Roastery Shanghai 
วิธีการเดินทาง : West Nanjing Station
Metro Line 2/12/13. Exit 5/10/11

แนะนำว่าถ้ามาที่ Starbucks  แล้วอีกที่ที่ควรค่าแก่การไปก็คือ Shanghai Natural History Museum ค่ะ อยู่ที่ทางออกเดียวกัน รวมไว้เป็นทริปวันเดียวกันได้เลย

พอเดินออกจากสถานีก็จะเจอเลย อาคารทรงโดมยิ่งใหญ่

พอเข้าไปด้านในด้านล่างเราจะเจอกับกระบวนการคั่วกาแฟ กลิ่นกาแฟและขนมปังหอมน่ากินมาก ส่วนราคานั้นก็แพงเอาเรื่อง

มาดูด้านในกันต่อนะคะ อย่างที่บอกว่าด้านล่างจะเป็นการคั่วบดกาแฟ ดังนั้นถ้านั่งข้างล่างก็จะได้กินที่ค่อนข้างหอมเลย เพราะจะมีทั้งส่วนที่เป็นผลิตขนมปังและคั่วกาแฟกันสดๆ แต่ว่าสาขานี้ Popular มากกกก ค่ะ เพราะฉะนั้นแนะนำให้มาเช้าๆหน่อยจะได้มีเวลานั่งชิว ไม่อย่างนั้นสายแล้วหาที่นั่งลำบากเลยค่ะ

ส่วนของเมนูที่เราส่ง ไม่รู้ว่าจะสั่งอะไรเลยเอาที่มันดูเป็นเซี่ยงไฮ้ละกัน เราเลยสั่ง  The bund mist ค่ะ มันคือ Nitro cold brew infused with vanilla bean syrup, topped with Demerara cold foam and finished with a dash of cascara sugar

พอสั่งเสร็จก็รอเค้าเรียกค่ะ มีรอคิวผ่าน app ด้วยนะคะ ต้อง สแกน Qr code เอา พอได้แก้วแล้วอารมณ์เหมือนกินเบียร์ดำเลยค่ะ อร่อยดีไม่หวานมากค่ะ กำลังดี

นอกจากนี้ที่ร้านก็ยังมีขายช้อคโกแลต ชา Teavana  ของที่ระลึกในสเกลร้านที่ใหญ่อลังการอีกนะคะ แนะนำสำหรับใครที่แฟนเงือกเขียวและมาเที่ยวที่เซี่ยงไฮ้ห้ามพลาดมาที่สาขานี้เลย

Shanghai Natural History Museum
วิธีการเดินทาง : Line 13 Shanghai Natural History Museum (Exit 1)
Line 1 Xinzha Road (Exit 1)
ค่าเข้า 30 หยวนถ้าผู้สูงอายุลดราคาอีกค่ะ
เวลาเปิด ปิด: เปิด วันอังคาร – อาทิตย์ 9:00-17:15  และปิดทุกวันจันทร์ (ยกเว้นว่าถ้าวันจันทร์นั้นเป็น National Holidayก็จะเปิดค่ะ)

หลังจากแวะที่ Starbucks ที่ใหญ่อลังการของเซี่ยงไฮ้ไปแล้ว เรากับม๊าก็เดินต่อไปยัง Shanghai Natural History Museum  ใช้เวลาเดินไปไม่ไกลมาก ปักหมุดเดินตามใน Google maps  ได้ง่ายๆเลยค่ะ
Shanghai Natural History Museum ตั้งอยู่ใน Jing’an Sculpture Park แวะถ่ายรูปเล่นเก๋ๆได้ก่อนจะซื้อบัตรเข้า

ที่ Shanghai Natural History Museum เราค่อนข้างประทับใจกับความยิ่งใหญ่ของ Museum ที่นี่มากค่ะ โดยเฉพาะสาวกไดโนเสาร์ หรือเด็กๆ น่าจะชอบมาก โดยเค้าแบ่งโซนได้ดังนี้ค่ะ
Mysterious Beginings ( ชั้น  2F)
เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินชม Museum  ทั้งหมด ให้มาเริ่มที่ชั้นนี้ค่ะ เราจะเห็นตั้งแต่ Big bang theory จุดเริ่มต้นของโลกเลยทีเดียว

River of Life (ชั้น 1F)
เห็นการจำลองของสัตว์ยุกดึกดำบรรพ์ขนาดยักษ์ อย่างเช่น Mammal ที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และ ปลาวาฬสีน้ำเงิน

Ways of Evolution (ชั้น  B1)
ดูวิวัฒนาการของมนุษย์ตั้งแต่ 3.5 พันล้านปีก่อน ประวัติความเป็นมาของยุคดึกดำบรรพ์

หลังจากนั้นเราก็เดินชมนิทรรศการอื่นๆมาเรื่อยๆ อย่าง Shanghai Environs >> Ecological Diversity >> Tied to Earth >> Colorful Life >> Earth Treasures >> Exploration Labs  ถือว่าที่นี่ใหญ่และเปิดหูเปิดตามาก ขอบอกว่าใครไม่มาถือว่าพลาดเลยค่ะ

Xintiandi 
Xintiandi เป็นอีกย่านที่เหมาะกับการมาถ่ายรูปอัพลง Social เก๋ๆ  โดย Xiantiandi จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ  The south block และ  The north block โดยส่วนที่เป็น The south block จะเน้นสถาปัตยกรรมแบบโมเดิรน์ ในขณะที่ The north block จะเป็นส่น สถาปัตยกรรมสมัยเก่าแบบ Shikumen
วิธีการเดินทาง  : Metro line 10/13 สถานี Xintiandi ออก Exit 6

พอเดินเล่นที่  Xindianti เสร็จเราก็กลับโรงแรมแล้วกินชาบูสไตล์จีนเป็นเนื้อแกะแถวที่พัก เป็นหม้อทรงประหลาด หากินได้แต่ที่จีนนี่แหละค่า

แล้วก็ไปเช็กอินที่โรงแรมในสนามบินค่ะ สำหรับคนที่กลับไฟลท์เช้ามากแบบเรา แนะนำว่าน้องโรงแรมใกล้สนามบินก็ปลอดภัยค่ะ ไม่อย่างนั้นตื่นสายทีนึงจบกัน ตกเครื่องแน่

ใกล้จะจบแล้วนะคะ ที่พักเรานอนที่ Da Zhong Pudong Airport Shanghai Hotel ในคืนสุดท้าย
ถ้ารีวิวทางด้านการบริการ ไม่ค่อยประทับใจตรง Reception เลยค่ะ เนื่องจากว่าใช้เวลานาน แต่สำหรับ Location ต้องถือว่ากินขาดเพราะอยู่ใน Terminal เลย เดินออกมาก็เป็นส่วนของร้านอาหารแล้ว สะดวกสุดๆค่ะ การเดินทางมาโรงแรมคือ มองป้ายตรงคำว่า Airport hotel แล้วขึ้นลิฟต์ไปเลยค่ะ เพราะมีอยู่โรงแรมเดียวเลย อ้อที่นี่เราไม่ได้ซื้อห้องแบบรวมอาหารเช้านะคะ เพราะยังไงก็ต้องบินก่อนไม่ได้ทานอยู่แล้ว

และขนมกินเล่นที่ชอบในสนามบินคือขนมไข่ของร้านนี้ Kwai Yuen Po อร่อยกว่าที่เคยกินที่บ้านเรา มันหอมๆเนียนนุ่ม และกินคู่กับน้ำมะม่วงใส่สาคู ฟินสุดๆไปเลย แล้วเราก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ค่ะ