รูปถ่ายฟูจิที่คาดว่าหลายๆคนน่าจะเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง นั่นก็คือ เจดีย์แดง หรือว่า Chureito Pagoda ซึ่งเป็นเจดีย์ห้าชั้นที่ตั้งอยู่บนเขา โดยจากบนนี้จะสามารถมองเห็นวิวเมือง Fujiyoshida และภูเขาไป Fuji ในระยะไกลได้ ซึ่งการเดินมาทางจุดนี้จะต้องขึ้นบันไดไปเกือบ 400 ขั้น

แต่…..แต่ ใช่ว่าการมายังจุดชมวิวนี้ ก็ยังต้องพกดวงมาด้วย ใช่ว่าทุกคนจะได้เห็นภาพของฟูจิเหมือนกันหมดนะคะ

ดูอย่างเรานี่สิ….

มองไม่เห็นฟูจิสักนิด!!! ได้มาแต่วิวเจดีย์แดง 555+

เอาเป็นว่าเรามารีวิววิธีการเดินทางจากโตเกียวมายังเจดีย์แดงดีกว่า

เราเริ่มต้นจากที่สถานี Tokyo Station โดยจองรถผ่านลิงค์นี้มาจากไทยเลย ๋Japan Bus Online ราคา 1,800 เยน แต่ถ้าจะขึ้นจากสถานีอื่นอย่าง Shinjuku ก็มีให้เลือกค่ะ

แล้วก็แวะกินข้าวร้าน Tsukiji Itadori Uogashisenryo Nihonbashi เราว่าเป็นร้านข้าวหน้าปลาดิบที่ถูกและคุ้มมาก แนะนำเลยว่าถ้าใครมาขึ้นรถแถวนี้ขอให้จัดเลยค่ะ พิกัดอยู่ที่ B1 Tokyo Tatemono, Nihonbashi building, 1-3-13 Nihonbashi, Cyuouku, Tokyo เบอร์โทร 03-3510-9385

อันนี้เมนูหน้าร้าน ของเราสั่งเซต Lunch เมนู A มี Ikura ปลา Shirasu แล้วก็ปลา Maguro ราคา 1,200 เยน

หลังจากกินอิ่มก็ไปที่จุดขึ้นรถค่ะ นอนๆนั่งๆแล้วก็มาถึงที่สถานี Fujisan Station ค่ะ จากสถานีนี้เราก็มาแถวสถานี Gekkouji เพื่อมายัง Hostel Mt. Fuji ที่จองไว้ผ่าน Traveloka ค่ะ

เราค่อนข้างประทับใจ Hostel ที่นี่มากเลย ถึงแม้ดูจากข้างนอกดูจะเล็กๆแคบๆไปบ้าง แต่เจ้าของ Hostel น่ารัก เป็นกันเองมากค่ะ เราเช่าจักรยานจากที่พัก เพื่อขี่มายัง Chureito Pagoda

บริเวณทางขึ้นไปยังจุดชมวิว

ก่อนจะเข้าไปสักการะศาลเจ้า  เราจะต้องล้างมือและปากก่อนค่ะ เป็นธรรมเนียมที่เชื่อกันว่าเป็นการชำระล้างร่างกายให้สะอาด  ปราศจากสิ่งสกปรกจากภายนอก  ก่อนเข้าสักการะเทพเจ้า โดยเริ่มจากหยิบกระบวยมือขวา แล้วก็รองน้ำที่ไหลออกจากก๊อกน้ำไม้ไผ่ แล้วก็ล้างมือซ้ายก่อน จากนั้นก็ใช้มือซ้ายจับกระบวย ล้างมือขวา แล้วถึงจะเปลี่ยนมือมาจับกระบวยมือขวา แล้วใช้มือซ้ายตักน้ำบ้วนปากค่ะ

จากนั้นก็มาเคารพศาลเจ้าค่ะ

พอเสร็จจากตรงนี้เราก็ไปที่จุดชมวิวค่ะ แต่ก็อย่างที่เห็นจากรูปตอนต้นคือ มองภูเขาไฟฟูจิไม่เห็นเลยจ้า แง้ TT_TT สิ่งที่ฉันคิดไว้ตามรูปด้านล่างนี้ ความจริงคือไม่เห็นอะไรเลยค่ะ

และแล้วเราก็ขี่จักรยานมาหาของกินดีกว่า จบลงที่ร้านแถวไม่ไกลจากที่พักมาก กินอุด้งร้อนๆ พร้อมซดเบียร์สดซัปโปโรเย็นๆนี่มันช่างฟินยิ่งนัก

มารีวิวที่พักกันต่อดีกว่าค่ะ เรานอนแบบ Hostel ห้องรวม โดย Hostel ที่นี่ก็มีผ้าม่านปิดเรียบร้อย

เตียงนอนก็นอนสบายใช้ได้ค่ะ เพื่อนร่วมห้องคืนนี้มีหนุ่มญี่ปุ่น น่าจะวัยมหาวิทยาลัยอีก 1 คน

ส่วนเพื่อนร่วม Hostel ข้างนอกมีหลากหลายค่ะ ส่วนใหญ่จะมาปีนภูเขาฟูจิกันหมด ตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางที่เจ้าของ Hostel บอกว่าเข้ามาสิๆ มารู้จักมาคุยกับคนอื่นเร็วเข้า แบบว่าที่นี่เป็นที่แรกที่เค้าพยายามให้คนที่พักมีการพูดคุยกันอย่างมากจริงๆ แอบตกใจเล็กน้อย 555

ตรงนี้เป็นส่วนของหน้า Front ค่ะ

ส่วนของห้องครัวก็มีความน่ารักมุ้งมิ้ง ขนาดแก้วยังน่ารักเลย เป็นรูป Fuji ซะด้วย

 

ถ้าใครมีของมีค่าก็สามารถที่จะมาเก็บไว้ใน Locker ได้ค่ะ ส่วนตู้เย็นก็มีพร้อม

เจ้าของ Hostel ค่ะ ใจดีมากมาย ส่วนยูคาตะด้านหลังมีบริการให้เช่าใส่ถ่ายรูปด้วย

สำหรับในส่วนรีวิวของที่พักก็จบลงเท่านี้ค่ะ ถัดไปเป็นร้านไอศกรีมตรง Askakusa ที่ขึ้นชื่อเรื่องชาเขียวอันเข้มข้นที่สุดในโลก ที่ชื่อร้าน Suzukien x Nanaya อยู่ด้านหลังวัด Asakusa เพียงแค่ข้ามถนนไปเท่านั้น

 MATCHA GELATO SHOP SUZUKIEN X NANAYA 
ที่ตั้งร้าน: SUZUKIEN ASAKUSA HONTEN 3-4-3, ASAKUSA KU, TAITO, TOKYO

ช่วงที่เราไปเค้าเพิ่งเปิดร้านพอดีเลย สักพักคนก็เพียบแล้ว

ในเมนูก็จะมีให้เลือกว่าจะกินรสไหน แล้วก็เลือกได้ว่าจะใส่ถ้วยหรือจะใส่โคน ถ้าราคาที่เป็น Premium ก็จะเป็น No.7 ซึ่งจะแพงกว่าตัวปกติ

ราคาไอศกรีมรสชาเขียวและไอศกรีมรสชาติอื่นๆที่ไม่ใช่พรีเมี่ยม (เบอร์ 1-6) ถ้าเป็นราคาแบบใส่ถ้วยจะอยู่ที่ 370 เยน และแบบโคนอยู่ที่ 390 เยน ส่วนถ้าเป็นแบบ Double ก็จะอยู่ที่ 470 เยนในแบบถ้วย และแบบโคนอยู่ที่ 490 เยนค่ะ

สำหรับใครที่อยากลองแบบ Matcha Gelato Premium no.7 ตามที่เค้าบอกว่าเป็นชาเขียวที่เข้มสุดในโลกล่ะก็จัดไปเลยค่ะ แบบถ้วย 560 เยน และแบบโคนที่ 580 เยน หรือจะกินแบบ Double ก็ราคาที่ 830 เยนในแบบถ้วย และแบบโคนที่ 850 เยนค่ะ

ตอนแรกเราลังเลว่าจะเอาประมาณเบอร์ 5 ก็พอ อยากจะเน้นแบบนมหน่อย เพราะกลัวว่าชาจะเข้มไป แต่พอมาคิดอีกที ไหนๆเราก็มาลองไอศกรีมที่เป็นชาเขียวที่เข้มที่สุดแล้ว ก็เลยลองอันที่เข้มสุดไปเลยดีกว่า 555

ถ้าว่ากันว่าด้วยรสชาติเราว่าอร่อยค่ะ ขมนะ แต่แบบไม่ได้ขมจนเกินไป มันเข้มข้นถูกใจคอชาเขียวแบบเราจริงๆ ไอติมสีเขียวเนียนละเอียด อร่อยสุดๆ แนะนำเลยว่าหากใครผ่านไปแถม Asakusa อย่าลืมไปลิ้มลองไอติมชาเขียวที่เข้มข้นที่สุดในโลกกันนะคะ