ทริปนี้เราเที่ยวกันแบบง่ายๆสบายๆ เริ่มจากตั๋วที่ได้โปรโมชั่นจากการบินไทยไปกลับ4,700 บาท ราคานี้ไม่ได้ถูกมาก แต่ก็รู้สึกโอเคสำหรับเราค่ะ เพราะติดวันหยุด แล้วก็ได้บิน Full Service ไปลงฮานอย ช่วงที่เราไปคือเดือนธันวาคม อากาศที่ฮานอยหนาวๆ กำลังดี จิบเบียร์ฮานอยแล้วฟินแน่นอน 😀 หลังจากได้ตั๋วแล้วถัดมาก็เหลือโรงแรมที่ควรจะจองก่อนไปถึง ส่วนพวกโปรแกรมทัวร์แบบ One day หรือ Two day กะว่าไปหาเอาที่โน่นดีกว่า เพราะดูจากพวกจองทัวร์ในเว็บแล้วแพงมาก
สำหรับการจองที่พัก เราก็เริ่มจากการอ่านรีวิวตามเว็บจองโรงแรมก่อน ว่าที่พักนั้นอยู่ใกล้ที่เที่ยวอะไรบ้าง แล้วนักท่องเที่ยวรีวิวให้คะแนนเป็นยังไง ปกติเราจะเน้นอาจจาก Tripadvisor ก่อน แต่เผอิญว่ามีเพื่อนชาวญี่ปุ่นแนะนำมาว่าที่นี่ราคาถูก แล้วก็ห้องใหญ่ ที่พักก็ทำเลดีอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้วก็ Night Market อีกอย่างรีวิวก็ค่อนข้างโอเคด้วย ชื่อว่า Hanoi Traveller House https://www.traveloka.com/th-th/hotel/vietnam/region/ha-noi-10009843 พอดีช่วงที่เราจองมี เพจบอกโปรเจ้านึงกำลังแจ้งโค้ดลดพิเศษ ของ Traveloka ก็ไม่รอช้าจ้า จองโลด (ตอนจองต้องดูดีๆนะคะ เพราะว่าที่พักเค้าจะมี 2 แบบ อยู่ไม่ไกลจากกันนัก ชื่อคล้ายๆกัน ที่เราพักคือ Hanoi Traveller House จะเป็นห้อง Private แต่มีอีกที่คือ Hanoi Traveller Hostel ตรงนี้จะเป็น Hostel เจ้าของเดียวกัน เหมาะสำหรับคนที่เที่ยวคนเดียว อยากนอน Dorm ประมาณนั้นค่ะ)
พอจองที่พักเสร็จ ทางโรงแรมก็ติดต่อมาเสนอขายทัวร์กับ Airport Pickup จ้า ตอนแรกเราก็กะว่าไม่เอาดีกว่าทัวร์เดี๋ยวไปดูที่อื่นๆก่อน ส่วนรถที่มารับเราไปถึงไฟลท์ดึกกลัวได้รถลำบากก็เลยใช้บริการของทางโรงแรมไป แต่ถ้าใครไปถึงเช้าหน่อยก็นั่งรถจากสนามบิน จะมีรถเมล์ที่วิ่งเข้าเมืองอยู่ค่ะราคาไม่แพง แต่ถ้ามีกระเป๋าใบใหญ่ก็อาจจะไม่ค่อยสะดวก
หาของกินฟรีที่สนามบิน สำหรับใครที่มีบัตรเครดิต หรือพวกสิทธิพิเศษต่างๆก็อย่าลืมใช้กันนะคะ เนื่องจากเรามี Citi ROP เราก็เลยใช้สิทธ์เข้า Lounge การบินไทย แต่โดยรวมไม่ค่อยประทับใจเลยค่ะ เพราะเค้าบังคับให้ใช้ได้แต่เลานจ์เล็กที่เดินไกลจาก Gate มาก และไม่ค่อยมีอะไรกิน มีแค่น้ำกับขนมปังนิดหน่อยค่ะ L ที่ประทับใจเห็นจะเป็นสิทธ์ของบัตรเครดิต Citibank แลก Sandwich Subway พร้อมน้ำดื่มฟรีค่ะ ไม่ต้องเดินไกลแลกสิทธ์ได้เลย ร้าน Subway จะอยู่ใกล้ๆกับเลานจ์ของ King Power ค่ะ
พอถึงสนามบินที่ฮานอย คนขับรถจากโรงแรมก็ถือป้าย A4 เขียนชื่อเรารอรับที่ข้างหน้าค่ะ นั่งรถไปถึงที่พักเราก็กะจะพักผ่อนเลย เพราะคุณแม่ค่อนข้างง่วงแล้ว บรรยากาศที่พักจริงก็ไม่ค่อยต่างจากรูปที่ดูในเว็บสักเท่าไหร่ ส่วนทางเข้าของ Hanoi Traveller House จะเป็นเหมือนตึกแถวคูหาเดียว แต่พอเดินเข้ามาด้านในจะเห็นว่าค่อนข้างลึกเลยทีเดียว เข้ามาส่วนแรกจะเจอกับเคาน์เตอร์ของ Staff ซึ่งพนักงานที่นี่ที่เป็นผู้หญิงเวียตนามน่ารักมากๆค่ะ พูดภาษาอังกฤษคล่อง แล้วก็เป็นกันเองมาก เค้าก็จะให้แผนที่ของโรงแรม ซึ่งจะมีเขียนว่าสถานที่ท่องเที่ยวอยู่จุดไหนบ้าง และร้านอาหารแนะนำ (เราก็เลยเปิดควบคู่กับ Google Maps ค่ะ) เมื่อเดินเข้าไปในส่วนของทางขึ้นห้องพักซึ่งอยู่ชั้น 2 เป็นต้นไป ก็จะผ่านพรมหญ้าสีเขียวๆ และมีปลูกต้นไม้เป็นหย่อมๆ ดูสบายตาดีค่ะ รู้สึกคิดไม่ผิดที่จองที่พักจาก Traveloka ที่นี่ค่ะ แล้วเราก็เห็นป้ายติดราคาทัวร์ ซึ่งเราแอบสนใจฮาลองเบย์ที่เป็น One day Trip ที่ประมาณ 26 US Dollar ด้วย แต่พอถามทางพนักงานนางก็บอกว่าอันนี้เป็นทัวร์กากๆนะ ยอมจ่ายเงินเพิ่มแพงกว่านี้ดีกว่า ได้รถที่ดีกว่า แล้วก็การบริการที่ดีกว่าจากไกด์ เราเองก็แอบกลัวโดนหลอกเลยกะว่าค่อยมาซื้ออีกวันดีกว่า เพราะที่นี่เวลาจองทัวร์ก็คือแจ้งตอนกลางคืน แล้วก็ไปตอนเช้า 7:00 ได้เลยค่ะ (เดี๋ยวเรื่องรีวิวทัวร์ฮาลองเบย์ที่สุดท้ายเราซื้อกับทางโรงแรม เราจะแยกมารีวิวให้อีกทีค่ะ) ส่วนอาหารเช้าของที่นี่เป็นแบบเรียบง่าย มีตั้งโต๊ะเล็กๆ เป็นพวกนม คอนเฟล็ก แล้วก็มีกล้วยเป็นบางวัน ขนมปัง แล้วก็สามารถสั่งไข่ได้ ที่เคาน์เตอร์ค่ะ เป็นแบบ Omelette ใส่แฮมใส่ผัก เค้าทำให้สดๆเลย อร่อยดีทีเดียว
จากที่พักสามารถเดินมายัง โรงละครหุ่นกระบอกน้ำได้นะคะ แต่เราไม่ได้ดูเนื่องจากขุ่นแม่ไม่สนใจจ้า ถ้าใครสนใจก็ซื้อบัตรได้ที่ทางเข้าเลย
เดินต่อมาอีกหน่อยก็จะเจอวัดเนินหยก หรือวัดหง็อกเซิน (Ngoc Son) ก่อนจะถึงตัววัด จะต้องเดินข้ามสะพานเทฮุก (The Huc) หรือสะพานแสงอาทิตย์ไปก่อน และต้องเสียเงินซื้อบัตรเข้าชมวัด 30,000 Dong ค่ะ สำหรับการคิดเงินเวียตนาม ค่อนข้างงงงวยไม่น้อย ปกติที่ร้านเค้าจะไม่พูดหลัก 1,000 ดองนะคะ เช่น 30,000 Dong ก็จะเรียกว่า 30 เฉยๆค่ะ
สำหรับวิวยามค่ำคืนก็สวยไม่แพ้กับตอนกลางวันเลยทีเดียว อันนี้เป็นมุมที่ได้ตอนที่มาเดินตลาดกลางคืนค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องไปถ่ายรูปอีกที่หนึ่งนั่นก็คือ St. Joseph’s Cathedral ตอนที่เราไปก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นมาถ่ายรูป รวมถึงเจ้าบ่าว เจ้าสาวถ่าย Pre wedding ด้วย
ตลาดกลางคืน (Night Market) ที่นี่เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ โดยแต่ละร้านจะเริ่มตั้งตอนประมาณ 18:30 และปิดตอนประมาณ 23:00 ร้านค้าที่นี่เยอะมาก และเรียงรายขายกันยาวจริงๆ ร้านค้าส่วนใหญ่จะเป็นของใช้ แล้วก็พวกของก๊อปปี้ เช่น แว่นตาแบรนด์เนม กระเป๋า เสื้อผ้า แล้วก็พวกของที่ระลึกที่นี่จะขายถูกกว่าที่อื่น นอกจากนี้ก็มีร้านขายของกินด้วย แต่ไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ในตลาดนี้ก็ต่อราคาได้ตามสะดวกจ้า
มาต่อกันที่ทัวร์ Halong Bay ค่ะ สต๊าฟผู้ชายที่โฮสเทลพยายามจะขายทัวร์แบบ 2 วัน 1 คืน ให้เรา ประมาณว่าไปทั้งทีไปนอนค้างบนเรือดีกว่า แต่จากการที่ศึกษามาจากในพันทิปนี่แหละ หลายคนแนะนำว่า ไปเช้าเย็นกลับก็พอแล้ว เราก็เลยซื้อแบบ One Day Trip ค่ะ
ตอนแรกเรากะว่าจะไปซื้อที่ข้างนอกแต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจกลับมาซื้อกับที่พักนี่แหละค่ะ ตรงป้ายเค้าจะเขียนราคาถูกไว้ แต่พอถามสต๊าฟเค้าก็บอกว่าแบบถูกสุดจะได้นั่งรถไม่ค่อยดี แล้วไกด์ก็ไม่ค่อยดูแล เราก็เลยยอมจ่ายแพงขึ้นมาอีกที่ 35 US Dollar เพื่อที่จะได้รถกับไกด์ที่โอเคขึ้นค่ะ แต่เราก็ย้ำกับเค้าว่าไม่จ่ายอย่างอื่นเพิ่ม และต้องรวมพายเรือแล้วด้วยนะ
เราซื้อทัวร์กับที่พักตอนเกือบ 3 ทุ่ม แล้วก็เดินทางตอนประมาณ 7:30 รถจะมารับถึงที่พัก
ขึ้นมาบนรถเสร็จเค้าก็จะแวะไปรับคนอื่นๆต่อ รถค่อนข้างนั่งสบายค่ะ มีทั้งหมดสามแถว เแบ่งเป็น 2 ที่นั่งติดกัน กับอีก 1 ที่นั่งแยก
ไกด์บนรถจะมี 2 คนค่ะ เนื่องจากคณะทัวร์เรา ประมาณครึ่งนึงเป็นคนญี่ปุ่น ก็เลยมีไกด์ญี่ปุ่นด้วย ส่วนที่เหลือเป็นฝรั่ง เกาหลี แล้วก็เจอคนไทย 2 คน จะใช้เป็นไกด์ภาษาอังกฤษค่ะ ได้อารมณ์แปลกดี แอบฟังไกด์ญี่ปุ่นพูดเล่าเรื่องสนุกดีค่ะ
ด้านนอกรถค่ะ เราถ่ายตอนที่เค้าแวะให้เข้าห้องน้ำที่จุดพักรถ เป็นจุดที่มีขายของฝาก ขนม ของกินเล่น แล้วก็ขายรูปปั้นแกะสลักค่ะ ห้องน้ำใหญ่และสะอาดใช้ได้เลย
พอมาถึงท่าเรือ เราก็ได้รับแจกบัตรสำหรับลงเรือค่ะ
ลำนี้เป็นเรือที่เราจะล่องกันไปจ้า
เราเข้ามาในเรือเป็น 2 คู่รองสุดท้ายค่ะ ปรากฎว่าคนอื่นจับจองที่นั่งไปหมดแล้ว เค้าให้นั่งโต๊ะละประมาณ 5 คน เราเลยเป็นเศษก็เลยนั่งแยกกับคุณแม่ ต้องระเห็จไปนั่งอยู่กับโต๊ะญี่ปุ่นล้วน ก็เลยไม่กล้าถ่ายรูปอาหารเยอะค่ะ ค่าทัวร์นี้รวมอาหารแล้ว แต่ไม่รวมเครื่องดื่มบนเรือต้องซื้อเพิ่มเองค่ะ รสชาติอาหารก็ธรรมดานะคะ แต่เป็นเซ็ทอาหารทะเล ก็มีปลา มีกุ้ง หมู ผัก หลายอย่างอยู่ค่ะ
บรรยากาศบนเรือ
กินเสร็จก็ขึ้นไปชมวิวที่ดาดฟ้าเรือค่ะ
บนดาดฟ้าเรือเค้าจะไม่ให้ขึ้นตลอดนะคะ แอบงงตอนที่เราจะขึ้นไปอีกรอบ มีหนุ่มญี่ปุ่นคนนึงมาเที่ยวคนเดียว พูดว่า ขึ้นม่ายด้ายนะข้าบ
งงเลย ไม่ได้งงที่ว่าไม่ให้ขึ้น แต่งงที่ว่าเค้าพูดไทยกับเรานี่แหละ 555+ สอบถามไปมาถึงรู้ว่าฮีเคยมาทำงานเมืองไทยพักนึง
แล่นเรือไปสักพักเราก็ถึงเป้าหมายถัดไป ล่องเรือลอดถ้ำ ที่งงอีกทีคือ คู่คนไทยที่เราเจอ เค้าซื้อทัวร์มาจากที่พักเหมือนกัน แต่ทัวร์ดันไม่รวมค่าล่องเรือซะงั้น บอกว่าต้องจ่ายเพิ่ม ดังนั้นเพื่อนๆถ้าจะซื้อทัวร์อย่าลืมกำชับเรื่องรวมพายเรือหรือยังนะคะ ไม่งั้นอาจมีเงิบ แต่ของเราที่ซื้อมาก็รวมหมดแล้วไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มค่ะ
ส่วนใหญ่ฝรั่งก็พายคายัคกันค่ะ แต่เราเรี่ยวแรงงน้อย ขอแบบมีคนพายให้ละกันเนอ
อากาศเย็นๆ บรรยากาศดีมากค่ะ ตอนแรกก็เฉยๆ แต่พอมาเห็นของจริงก็สวยเหมือนกันนะเนี่ย
แอบคิดว่าถ้าต้องเลือกระหว่างฮาลองบกกับฮาลองเบย์ เราว่าฮาลองเบย์ดูอลังการกว่าเยอะเลยค่ะ ราคาก็พอๆกัน
คุณคนพายเรือ ถ่ายรูปให้ด้วยค่ะ น่ารักมาก
มาต่อกันค่ะ จุดหมายสุดท้ายของเราคือไปชมถ้ำค่ะ เดินข้ามสะพานกันก่อน
ถ้ำด่งเทียนกุง (Dong Thien Cung)
เมื่อเข้าไปภายในถ้ำ ก็จะเห็นการจัดแสงสีของหินงอกหินย้อย อย่างสวยงาม ไกด์ก็จะเดินอธิบายบางจุด ซึ่งเป็นลักษณะหินรูปทรงต่างๆ ว่าหินก้อนนี่รูปร่างคล้ายอะไร แล้วก็เอาไฟส่องให้ดู หรือถ้าใครไม่อยากฟังก็เดินแยกดูกันไปแล้วก็ออกไปเจอกันที่ทางออกเลยค่ะ
แล้วก็มีตรงที่เป็นเหมือนบ่อน้ำเล็กๆ มีคนโยนเหรียญขอพรด้วยค่ะ